ผู้บริหาร ปตท.แจงยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี โดยจะยืนราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงสิ้นปีนี้ แต่หากรัศมีไกลเกินท่อก๊าซฯ 50 กิโลเมตร ก็ต้องมีราคาบวกเพิ่ม 1 สตางค์ต่อกิโลกรัม พร้อมเร่งขยายเครือข่ายสถานีเอ็นจีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะเพิ่มเป็น 270 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 535 สถานีในปี 2554
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสำรวจ ผลิต และก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้เร่งขยายการก่อสร้างปั๊มเอ็นจีวีไปทั่วทุกภาค ล่าสุดลงนามสัญญาจัดตั้งปั๊มเอ็นจีวี กับบริษัท สิริโปรเจ็ค คอนสตรัคชั่นฯ ผู้พัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ใหม่ ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี โดยมีเป้าหมายให้บริการรถยนต์สาธารณะ รถยนต์ประชาชนทั่วไป และรถโดยสารประจำทางของผู้ประกอบการต่างๆ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมให้บริการในกลางปี 2550
และในขณะนี้ ปตท. ยังได้เร่งขยายเครือข่ายสถานีเอ็นจีวี ให้ครอบคลุมเส้นทางสายหลักสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยปัจจุบันมีอยู่ 104 แห่ง จะเพิ่มเป็น 270 แห่ง ภายในสิ้นปี 2550 และจะเพิ่มเป็น 535 สถานี ในปี 2554 โดยในส่วนของราคาเอ็นจีวี หากอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งผลิตก๊าซ โรงแยกก๊าซ แหล่งท่อ ในรัศมี 50 กิโลเมตรราคาก๊าซฯ ก็จะมีอัตรา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากพื้นที่นอกรัศมีดังกล่าวราคาจะปรับเพิ่มอีก 1 สตางค์ต่อกิโลกรัม เนื่องจากมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
“ปตท.ไม่ได้ปรับขึ้นราคาก๊าซ โดยยืนราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงสิ้นปี 2550 แต่หากรัศมีไกลเกินท่อก๊าซฯ 50 กิโลเมตร ก็ต้องมีราคาบวกเพิ่ม 1 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่วนราคาปีหน้าจะเป็นเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันหากลดลง ก็มีโอกาสปรับลดลงก็ได้” นายจิตรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเส้นทางสู่ภาคใต้ อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด , บริษัท ไทยเดินรถ จำกัด ได้มีแผนดัดแปลง/ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้เอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิงแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า 500 คัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดค่าเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นต้นทุนในการดำเนินการแล้ว ยังจะช่วยลดภาระการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศอีกด้วย และ ปตท. ได้เปิดให้บริการสถานีเอ็นจีวีใน 2 เส้นทางหลักแล้ว จำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีบริการ ปตท. ทองสุทธิกุล ถ.พระราม 2 (ขาออก) บริเวณแสมดำ จ.สมุทรสาคร, สถานีบริการ ปตท. อ.อุดมชัยออยล์ ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 21, สถานีบริการ ปตท.สมุทรสงครามปิโตรเลียม ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 56 จ.สมุทรสงคราม, สถานีบริการ ปตท.ชูเกียรติปิโตรเลียม ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 192 จ.เพชรบุรี
สถานีบริการ ปตท. บางเค็มบริการ ถ.เพชรเกษม (ขาเข้า) ใกล้แยกวังมะนาว จ.เพชรบุรี, สถานีบริการ ปตท. สถานีบริการหลักราชบุรี ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 95 จ.ราชบุรี , สถานีบริการ ปตท. ราชบุรี ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 95 จ.ราชบุรี, สถานีบริการ ปตท. โชคสุขุม ถ.เพชรเกษม (ขาเข้า) กม.ที่ 226 จ.ประจวบคีรีขันธ์, สถานีบริการ ปตท.สถานีบริการหลักนครศรีธรรมราช ถ.สาย 4014 โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และสถานีบริการ ปตท. นครศรีธรรมราช ถ.สาย 4014 โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ดังนั้น ปตท. จึงใคร่ขอเชิญชวนประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งเปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับโทรศัพท์ ปตท. (PTT เอ็นจีวี Call Center) หมายเลข 1365 กด 5
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสำรวจ ผลิต และก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้เร่งขยายการก่อสร้างปั๊มเอ็นจีวีไปทั่วทุกภาค ล่าสุดลงนามสัญญาจัดตั้งปั๊มเอ็นจีวี กับบริษัท สิริโปรเจ็ค คอนสตรัคชั่นฯ ผู้พัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ใหม่ ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี โดยมีเป้าหมายให้บริการรถยนต์สาธารณะ รถยนต์ประชาชนทั่วไป และรถโดยสารประจำทางของผู้ประกอบการต่างๆ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมให้บริการในกลางปี 2550
และในขณะนี้ ปตท. ยังได้เร่งขยายเครือข่ายสถานีเอ็นจีวี ให้ครอบคลุมเส้นทางสายหลักสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยปัจจุบันมีอยู่ 104 แห่ง จะเพิ่มเป็น 270 แห่ง ภายในสิ้นปี 2550 และจะเพิ่มเป็น 535 สถานี ในปี 2554 โดยในส่วนของราคาเอ็นจีวี หากอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งผลิตก๊าซ โรงแยกก๊าซ แหล่งท่อ ในรัศมี 50 กิโลเมตรราคาก๊าซฯ ก็จะมีอัตรา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากพื้นที่นอกรัศมีดังกล่าวราคาจะปรับเพิ่มอีก 1 สตางค์ต่อกิโลกรัม เนื่องจากมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
“ปตท.ไม่ได้ปรับขึ้นราคาก๊าซ โดยยืนราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงสิ้นปี 2550 แต่หากรัศมีไกลเกินท่อก๊าซฯ 50 กิโลเมตร ก็ต้องมีราคาบวกเพิ่ม 1 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่วนราคาปีหน้าจะเป็นเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันหากลดลง ก็มีโอกาสปรับลดลงก็ได้” นายจิตรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเส้นทางสู่ภาคใต้ อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด , บริษัท ไทยเดินรถ จำกัด ได้มีแผนดัดแปลง/ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้เอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิงแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า 500 คัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดค่าเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นต้นทุนในการดำเนินการแล้ว ยังจะช่วยลดภาระการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศอีกด้วย และ ปตท. ได้เปิดให้บริการสถานีเอ็นจีวีใน 2 เส้นทางหลักแล้ว จำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีบริการ ปตท. ทองสุทธิกุล ถ.พระราม 2 (ขาออก) บริเวณแสมดำ จ.สมุทรสาคร, สถานีบริการ ปตท. อ.อุดมชัยออยล์ ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 21, สถานีบริการ ปตท.สมุทรสงครามปิโตรเลียม ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 56 จ.สมุทรสงคราม, สถานีบริการ ปตท.ชูเกียรติปิโตรเลียม ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 192 จ.เพชรบุรี
สถานีบริการ ปตท. บางเค็มบริการ ถ.เพชรเกษม (ขาเข้า) ใกล้แยกวังมะนาว จ.เพชรบุรี, สถานีบริการ ปตท. สถานีบริการหลักราชบุรี ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 95 จ.ราชบุรี , สถานีบริการ ปตท. ราชบุรี ถ.เพชรเกษม (ขาออก) กม.ที่ 95 จ.ราชบุรี, สถานีบริการ ปตท. โชคสุขุม ถ.เพชรเกษม (ขาเข้า) กม.ที่ 226 จ.ประจวบคีรีขันธ์, สถานีบริการ ปตท.สถานีบริการหลักนครศรีธรรมราช ถ.สาย 4014 โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และสถานีบริการ ปตท. นครศรีธรรมราช ถ.สาย 4014 โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ดังนั้น ปตท. จึงใคร่ขอเชิญชวนประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งเปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับโทรศัพท์ ปตท. (PTT เอ็นจีวี Call Center) หมายเลข 1365 กด 5