สทท.ออกโรงนำบริษัทนำเที่ยวจัดแพกเกจทัวร์ในโครงการ “เปิดทองหลังพระ : ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ” ไม่สนว่า สทน.และแอตต้าจะเข้าร่วมโครงการหรือไม่ ประกาศพร้อมอ้าแขนรับบริษัทนำเที่ยวที่สนใจมาเข้าร่วมโครงการ ระบุเล็งกลุ่มเป้าหมายใหญ่ เป็นกรุ๊ปทัวร์สัมมนา และ กลุ่มทัศนศึกษาเป็นหลัก ขณะที่ TCEB หนุนเต็มที่ เร่งเดินสายโรดโชว์ตามองค์กรใหญ่ คาดตลอดทั้งปีมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการ 9 แสนคน เงินสะพัด 3.1 พันล้านบาท
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และ กลุ่มพันธมิตรบริษัทนำเที่ยว 12 บริษัท เช่น บริษัท ลีเบนน์ แทรเวิล เซอร์วิส จำกัด บริษัทสกายน์ไลน์ ทริป บริษัท ซันสไมล์ ฮอลิเดย์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด บริษัท ทัวร์คนไทย จำกัด บริษัท ฟูจิทัวร์(ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น และ สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย(สนท.) ,สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย ,และสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จัดแพกเกจทัวร์ในโครงการ “เปิดทองหลังพระ : ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ” ซึ่งมีทั้งหมด 19 เส้นทางใน 19 โครงการพระราชดำริ สำหรับตลาดในประเทศกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย มีราคาแพกเกจทัวร์เริ่มต้นที่ 1,000 บาท ไปสูงสุดถึง 10,000 บาท ต่อคนต่อทริป ขึ้นอยู่กับระยะทาง เกรดของโรงแรมที่พัก ,เกรดของร้านอาหาร และ พาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถบัส หรือเครื่องบิน เป็นต้น
นอกจากนั้นยังร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวของคนไทย ที่ทำธุรกิจทัวร์อินบาวนด์รวม 12 บริษัท เช่น บริษัท อิส เวสต์ สยาม จำกัด บริษัท อิมเมจ เอเชีย จำกัด บริษัท ทัวร์อิส จำกัด เป็นต้น จัดแพกเกจทัวร์นำเที่ยว 9 เส้นทางในโครงการพระราชดำริ ภายใต้ชื่อ Royal Initiative Discovery เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจะเริ่มจำหน่ายและประชาสัมพันธ์แพกเกจทัวร์ดังกล่าวครั้งแรกในงาน อาเซีย ทราเวล ฟลอรัม หรือ ATF ที่มีขึ้นในปลายเดือนนี้
สำหรับเดือนกุมภาพันธ์จะไปเปิดตัวที่งานฉลองความสัมพันธ์ 120 ปี ไทย-ญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่น และเดือนมีนาคม ไปร่วมในงาน ITB กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน โดยในตลาดต่างประเทศ เราตั้งเป้าหมายจะเข้าร่วมเดินทางไปในทุกโปรแกรมโรดโชว์ของ ททท. เพื่อโปรโมต 9 เส้นทางโครงการพระราชดำริ
สำหรับในส่วนของตลาดคนไทย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 9 แสนคน เกิดรายได้หมุนเวียนในประเทศไม่น้อยกว่า 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 แสนคน นักเรียนนักศึกษา 3 แสนคน และอีก 5 แสนคน gป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว แม้สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(แอตต้า) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เข้าร่วมโครงการ แต่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯก็เปิดกว้างให้บริษัทนำเที่ยวที่สนใจเข้ามาร่วมในโครงการนี้ได้ โดยให้แจ้งความประสงค์มาที่สภอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ภายในสัปดาห์นี้
นางสุชาดากล่าวว่า ที่ผ่านมา สทท.ได้ทำหนังสือเชิญทั้ง สองสมาคมดังกล่าวเข้าร่วมประชุม เพื่อจัดทำแพกเกจทัวร์ในโครงการนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบรับซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความไม่พร้อมของสมาคม หรือไม่อย่างไร ดังนั้น สทท.จึงเปิดกว้างให้แก่บริษัททัวร์ที่สนใจมาเข้าร่วมโครงการได้
สสปน.เร่งโรดโชว์บริษัทเอกชน
ทางด้านนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการรัฐกิจวิสาหกิจสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน.(TCEB) กล่าวว่า สสปน.ได้ให้การสนับสนุนโครงการ“เปิดทองหลังพระ : ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ” โดยเข้ามารับผิดชอบในการเชิญชวนบริษัทเอกชนจัดกรุ๊ปสัมมนา โดยเลือกใช้เส้นทางใน 19 โครงการพระราชดำหริดังกล่าว ซึ่งที่มีการเจรจาไปแล้วได้แก่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ดูแลบริษัทปูนซิเมนต์ไทย และบริษัทในเครือ รวมถึงธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) มีแนวโน้มว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวจะจัดกรุ๊ปสัมมนาไปใน 19 เส้นทาง
นอกจากนั้นยังเข้าไปนำเสนอโครงการนี้ให้กับองค์กร และสมาคมใหญ๋ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ,ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเลือกนำเสนอในกลุ่ม เซ็ทฮันเดรต หรือ 100 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการสูงสุด นอกจากนั้น จะขอความร่วมมือไปยัง องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ตลอดจน บริษัทต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยด้วย
“สสปน. จะนำเส้นทางในโครงการพระราชดำริ 9 เส้นทางที่นำเสนอนักท่องเที่ยวต่างชาติไปบรรจุในโปรแกรมที่จะพานักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่ สสปน.เชิญเข้ามาจัดงานในประเทศไทย ได้ไปเที่ยวชม รวมถึงเชิญชวนกลุ่มเอ็กซ์แพทที่อยู่ในประเทศไทย ได้ท่องเที่ยวในเส้นทางดังกล่าวด้วย คาดว่าจะได้นักท่องเที่ยวจากลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 10,000 ราย ตลอดปี 2550”
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และ กลุ่มพันธมิตรบริษัทนำเที่ยว 12 บริษัท เช่น บริษัท ลีเบนน์ แทรเวิล เซอร์วิส จำกัด บริษัทสกายน์ไลน์ ทริป บริษัท ซันสไมล์ ฮอลิเดย์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด บริษัท ทัวร์คนไทย จำกัด บริษัท ฟูจิทัวร์(ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น และ สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย(สนท.) ,สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย ,และสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จัดแพกเกจทัวร์ในโครงการ “เปิดทองหลังพระ : ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ” ซึ่งมีทั้งหมด 19 เส้นทางใน 19 โครงการพระราชดำริ สำหรับตลาดในประเทศกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย มีราคาแพกเกจทัวร์เริ่มต้นที่ 1,000 บาท ไปสูงสุดถึง 10,000 บาท ต่อคนต่อทริป ขึ้นอยู่กับระยะทาง เกรดของโรงแรมที่พัก ,เกรดของร้านอาหาร และ พาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถบัส หรือเครื่องบิน เป็นต้น
นอกจากนั้นยังร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวของคนไทย ที่ทำธุรกิจทัวร์อินบาวนด์รวม 12 บริษัท เช่น บริษัท อิส เวสต์ สยาม จำกัด บริษัท อิมเมจ เอเชีย จำกัด บริษัท ทัวร์อิส จำกัด เป็นต้น จัดแพกเกจทัวร์นำเที่ยว 9 เส้นทางในโครงการพระราชดำริ ภายใต้ชื่อ Royal Initiative Discovery เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจะเริ่มจำหน่ายและประชาสัมพันธ์แพกเกจทัวร์ดังกล่าวครั้งแรกในงาน อาเซีย ทราเวล ฟลอรัม หรือ ATF ที่มีขึ้นในปลายเดือนนี้
สำหรับเดือนกุมภาพันธ์จะไปเปิดตัวที่งานฉลองความสัมพันธ์ 120 ปี ไทย-ญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่น และเดือนมีนาคม ไปร่วมในงาน ITB กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน โดยในตลาดต่างประเทศ เราตั้งเป้าหมายจะเข้าร่วมเดินทางไปในทุกโปรแกรมโรดโชว์ของ ททท. เพื่อโปรโมต 9 เส้นทางโครงการพระราชดำริ
สำหรับในส่วนของตลาดคนไทย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 9 แสนคน เกิดรายได้หมุนเวียนในประเทศไม่น้อยกว่า 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 แสนคน นักเรียนนักศึกษา 3 แสนคน และอีก 5 แสนคน gป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว แม้สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(แอตต้า) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เข้าร่วมโครงการ แต่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯก็เปิดกว้างให้บริษัทนำเที่ยวที่สนใจเข้ามาร่วมในโครงการนี้ได้ โดยให้แจ้งความประสงค์มาที่สภอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ภายในสัปดาห์นี้
นางสุชาดากล่าวว่า ที่ผ่านมา สทท.ได้ทำหนังสือเชิญทั้ง สองสมาคมดังกล่าวเข้าร่วมประชุม เพื่อจัดทำแพกเกจทัวร์ในโครงการนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบรับซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความไม่พร้อมของสมาคม หรือไม่อย่างไร ดังนั้น สทท.จึงเปิดกว้างให้แก่บริษัททัวร์ที่สนใจมาเข้าร่วมโครงการได้
สสปน.เร่งโรดโชว์บริษัทเอกชน
ทางด้านนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการรัฐกิจวิสาหกิจสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน.(TCEB) กล่าวว่า สสปน.ได้ให้การสนับสนุนโครงการ“เปิดทองหลังพระ : ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ” โดยเข้ามารับผิดชอบในการเชิญชวนบริษัทเอกชนจัดกรุ๊ปสัมมนา โดยเลือกใช้เส้นทางใน 19 โครงการพระราชดำหริดังกล่าว ซึ่งที่มีการเจรจาไปแล้วได้แก่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ดูแลบริษัทปูนซิเมนต์ไทย และบริษัทในเครือ รวมถึงธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) มีแนวโน้มว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวจะจัดกรุ๊ปสัมมนาไปใน 19 เส้นทาง
นอกจากนั้นยังเข้าไปนำเสนอโครงการนี้ให้กับองค์กร และสมาคมใหญ๋ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ,ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเลือกนำเสนอในกลุ่ม เซ็ทฮันเดรต หรือ 100 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการสูงสุด นอกจากนั้น จะขอความร่วมมือไปยัง องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ตลอดจน บริษัทต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยด้วย
“สสปน. จะนำเส้นทางในโครงการพระราชดำริ 9 เส้นทางที่นำเสนอนักท่องเที่ยวต่างชาติไปบรรจุในโปรแกรมที่จะพานักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่ สสปน.เชิญเข้ามาจัดงานในประเทศไทย ได้ไปเที่ยวชม รวมถึงเชิญชวนกลุ่มเอ็กซ์แพทที่อยู่ในประเทศไทย ได้ท่องเที่ยวในเส้นทางดังกล่าวด้วย คาดว่าจะได้นักท่องเที่ยวจากลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 10,000 ราย ตลอดปี 2550”