เซ็นทรัลเตรียมดันรูปแบบ ฟู้ดฮอลล์ ออกสู่ต่างจังหวัด หลังประสบความสำเร็จในกรุงเทพทั้งที่ชิดลมและเซ็นทรัลเวิลด์ กระทั่งคว้ารางวัลฟู้ดสโตร์ระดับโลก พร้อมทั้งปรับการขายสินค้าให้ดียิ่งขึ้น
นายเอียน ไพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกตในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องโดยเฉพาะการขยายสาขาใหม่ โดยปีนี้มีแผนที่จะขยาย ธุกริจรูปแบบฟู้ดฮอลล์ออกสู่ต่างจังหวัดเพิ่มอีก 1 แห่ง จากเดิมที่มีแต่ในกรุงเทพฯ ซึ่งสาขาใหม่จะมีพื้นที่การขายเท่ากับสาขาที่เซ็นทรัลชิดลม แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาทำเลที่เหมาะสมยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าเป็นจังหวัดใด
ทั้งนี้การเลือกเปิด “ฟู้ด ฮอลล์”เพิ่มนั้นบริษัทฯมีความมั่นใจเนื่องจากศักยภาพของทีมงาน และรูปแบบ จะเห็นได้จากความสำเร็จจาก 2 แห่งที่ เซ็นทรัล ชิดลมและ ล่าสุดเซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าให้เป็นอย่างดี ทั้งในโซนอาหาร และโซนพื้นที่การขาย
สำหรับการบริหารงานของ ฟู้ดฮอลล์ ที่ผานมาก็ได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ของสินค้าทั้งในแง่ของสินค้าในประเทศและสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 7 หมื่นรายการ และเป็นสินค้า เอ็กซ์คลูซีฟอยู่ถึง 10% ของยอดสินค้าทั้งหมด และสินค้านำเข้ามาจากเวดโทน สินค้าจากประเทศอังกฤษที่เป็นไพร์เวตแบรนด์ถึง 400 รายการ
การนำสินค้าดังกล่าวทั้งหมดมาจำหน่ายทำให้ เซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์ ที่เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์อาหารจากทุกมุมโลก โดยแบ่งโซนหลักๆออกเป็น 4 โซน อาทิ 1.โซนอาหารสด 2.สินค้าอุปโภค – บริโภค 3. โซนผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม 4.ฟู้ดคอร์ท
ล่าสุดเซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์ คว้ารางวัลฟู้ดสโตร์ระดับโลกจาก นิตยสาร เอดะ โกรเซอร์ หนึ่งในหนังสืออาหารระดับโลกที่ได้รับเกียรติจาก สถาปนิกและ นักการตลาด รวมถึงผู้ประกอบการค้าปลีกและซัปพลายเออร์ ตัดสินให้เซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์ แบรนด์ไทย ติดหนึ่งในฟู้ดสโตร์ 1 ใน 3ของ เอเชีย และส่งต่อให้ฟู้ด ฮอลล์เป็นต้นแบบให้กับกลุ่มธุรกิจจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สิงค์โปร์ เป็นต้น สนใจนำรูปแบบการจัดโซนทั้งในส่วนของโซนขายและอาหาร ไปบริหารไปยังประเทศนั้นๆและนับจากนี้ไปบริษัทตั้งเป้าหมายจะบริหารให้ฟู้ด ฮอลล์ชิดลมเป็นหนึ่งในประเทศ ฟู้ด ฮอลล์ เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นหนึ่งในเอเชีย ในอีกไม่ช้านี้
ที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์การระเบิดในกรุงเทพฯ แต่กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ช่วง 1 สัปดาห์แรกที่เกิดเรื่อง อาจมีผลในแง่ของจิตวิทยาอยู่บ้างกับลูกค้าในการเข้ามาจับจ่าย ทำให้ยอดการใช้จ่ายของลูกค่าลดลงอยู่บ้าง จากช่วงเวลาปกติกลุ่มลูกค้าเข้ามาซื้อของในฟู้ดฮอลล์ 1-3 ครั้งต่อ สัปดาห์ ก็ลดลงเหลือ สัปดาห์ละ 1 -2 ครั้ง แต่ก็ไม่มีผลต่อยอดขายว่าจะลดลงแม้แต่อย่างใด เนื่องจากถึงลูกค้าจะมีจำนวนเข้ามาใช้บริการลดลง แต่ก็มีปริมาณการซื้อที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ความสมดุลด้านการขายยังคงมีอยู่ ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก และบริษัทเชื่อมั่นว่า จากเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้น ลูกค้าเริ่มมีการปรับตัวได้แล้ว อีกทั้งการปรับและเพิ่มให้เสร็จสมบูรณ์ในโซนและจากการเปิดโรงภาพยนตร์ของเอสเอฟเสร็จ จะทำให้ห้างสรรพสินค้า สามารถดึงจำนวนคนให้เพิ่มขึ้นได้ และจะส่งผลให้กลุ่มจำนวนลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติหมุนเวียนเข้าในฟู้ดฮอลล์ประมาณ 100,000 คนต่อเดือน
ขณะเดียวกันยังมีแผนปรับเปลี่ยนท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตให้เป็นแบบท็อปส์มาร์เก็ตภายในสิ้นปีนี้ให้ครบ 16 สาขาอย่างเต็มรูปแบบและสมบูรณ์ที่สุด ภายหลังจากที่บริษัทฯเปิดท็อปส์มาร์เก็ตอย่างเต็มรูปแบบที่เอสพละนาด นานา และสุขุมวิท 11 เรียบร้อยแล้ว สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตด้านรายได้จำนวน 2 หลัก