เซเว่นอีเลฟเว่น ควักเงิน 200 ล้านบาท เกาะกระแสนเรศวร ทั้งเป็นสปอนเซอร์พร้อมลุยผลิตสินค้าพรีเมี่ยม สวนกระแสการเมืองวุ่นหวังสร้างแบรนด์แม้ขาดทุน
นายประสิทธิ์ ฉกาจธรรม รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ในการร่วมสนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ให้กับ พร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด เกาะกระแสของภาพยนตร์ใหญ่ของปี โดยแบ่งเป็นงบ 150 ล้านบาท สำหรับการจัดทำในส่วนที่เพิ่มเติมภาพยนตร์ และโพสต์โปรดักชั่น
ส่วนงบประมาณอีกกว่า 40 ล้านบาทนั้น นำมาลงทุนผลิตสินค้าพรีเมี่ยม ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น ได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตครั้งนี้ โดยมีสินค้ามากกว่า 36 รายการ ไว้สำหรับจำหน่ายลูกค้า
ช่องทางขายจะวางขายตามสาขาของบริษัทฯที่มีเกือบ 4,000 สาขาทั่วประเทศ คาดว่าจากการที่บริษัทฯลงทุนผลิตสินค้าพรีเมี่ยมมาวางจำหน่าย ในขณะที่เกิดกระแสความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ได้รับชมภาพยนตร์ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการรับรู้ในสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับปัจจัยลบทางเศรษฐกิจการเมืองที่เกิดขึ้น บริษัทฯยังมองว่า น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่จะทำให้ยอดการขายสินค้าไม่สามารถเป็นไปอย่างที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามการที่บริษัทฯได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนภาพยนตร์ที่นับว่าเป็นประวัติศาสตร์เรื่องใหญ่เรื่องนี้ รวมทั้งการลงทุนจัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ “เซเว่นอีเลฟเว่น”ให้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น
ในขณะเดียวกันบริษัทฯยังมองผลลัพธ์ในระยะยาวว่า ถ้าหากภาพยนตร์ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช”สามารถทำยอดขายได้เป็นอย่างดีในประเทศจะส่งผลให้หนังได้เข้าฉายในต่างประเทศ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นผลดีในระยะยาวมากกว่าต้นทุนหรือรายได้ที่บริษัทฯจะกังวลแต่อย่างใด
ส่วนแผนการลงทุนขยายสาขาของบริษัทฯจะมีการดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องเหมือนอย่างทุกปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้าขยายสาขาในส่วนที่เป็นร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ไว้อย่างเดิม พร้อมกับการเดินหน้าขยายในส่วนของร้านหนังสือ “บุ๊คสไมล์”เพิ่มให้ครบ 1 พันสาขา ภายในระยะเวลาสิ้นปีนี้ จากเดิมที่มีบุ๊คสไมล์อยู่กว่า 450 สาขา
โดยการขยายร้านบุ๊คสไมล์จะไปในทำเลที่มีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเปิดบริการอยู่แล้วโดยเฉพาะในปั๊มน้ำมัน เนื่องบริษัทฯมองว่ากลุ่มลูกค้าที่เดินทางมีกำลังซื้อและมีความรู้ประกอบกับ ไม่มีร้านหนังสือเพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการที่บริษัทฯเลือกเข้าเจาะตลาดนี้ เชื่อว่าจะสามารถขยายพื้นที่ในการขายได้หลากหลายมากยิ่งขั้น
สำหรับการเติบโตของธุรกิจปีนี้ จากการที่บริษัทฯได้รุกเข้าทำตลาดมากขึ้นแม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่บริษัทฯยังมีความมั่นใจว่ายอดการเติบโตจะเพิ่มขึ้นถึง 2 หลักตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน