มอนเด นิสชิน เปิดเกมรุกตลาดแครกเกอร์ แบรนด์ วอยส์ สู่ตลาดย่านอินโดจีน และเกาหลี ญี่ปุ่น ชูไทยเป็นฐานผลิตส่งออก ส่วนตลาดในไทยเตรียมนำคุ้กกี้แบรนด์ ซูโม่ ทำตลาดด้วย พร้อมตั้งเป้าขยับแชร์ วอยส์ สู่ที่ 3 ภายในปีนี้
นายเว็น ซานโตส ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท มอนเด นิสชิน (ประเทศไทย )จำกัด ผู้ผลิตขนมแครกเกอร์ แบรนด์ “วอยส์” จากประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า มีแผนทำตลาดแบรนด์ “วอยส์”ในกลุ่มของขนมแครกเกอร์ในแถบตลาดอินโดจีนเพิ่มเติมจากเดิม อาทิ ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย เขมร ลาว พร้อมกับการรุกเข้าทำตลาดในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น อีกด้วย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องการส่งออกกันอยู่
ทั้งนี้จากแผนเข้ารุกตลาดในครั้งนี้ทางบริษัทฯแม่จากประเทศฟิลิปปินส์เลือกให้ประเทศไทยเป็นฐานในการส่งออกให้ หลังจากที่บริษัทแม่ได้เลือกขยายโรงงานในประเทศไทยเมื่อช่วงปี 2548 ด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท และบริษัทฯได้เล็งเห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตที่ดี เนื่องจากวัตถุดิบมีความหลากหลายอีกทั้งยังมีราคาที่ถูกอีกด้วย
ปัจจุบันฐานการผลิตในประเทศไทยตั้งอยู่ที่อมตะซิตี้ มีกำลังการผลิตได้ถึง 2 ล้านชิ้นต่อวัน และจากแผนการส่งออกและการรุกขยายตลาดมากขึ้น บริษัทฯแม่อาจมีแผนขยายฐานการผลิตเพิ่ม แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตกลงกับคู่ค้ายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ในส่วนของตลาดประเทศไทยบริษัทฯเตรียมรุกทำแบรนด์ วอยส์เพิ่มเพื่อเป็นการเพิ่มแชร์ในตลาดในกลุ่มของขนมแครกเกอร์ พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมใช้งบประมาณกว่า 40ล้านบาท สำหรับการทำตลาด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแปลกใหม่อีกทั้งสอดรับกับความเติบโตของตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงขึ้นได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์ โดยดึงดาราชื่อดัง เวียร์ –ศุกลวัฒน์ คณารศ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ เพื่อเป็นการปลุกกระแสของตลาด
พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับแบรนด์ วอยส์เพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มรสชาติใหม่ๆเข้าสู่ตลาดปีละ 4 รสชาติ จากเดิมที่ แบรนด์ วอยส์มีอยู่ 3 รสชาติ ประกอบด้วย ครีมมี่ บัตเตอร์ ครีมช้อคโกแลต และรสชาติใหม่ล่าสุด บัตเตอร์ เลมอน ทั้งนี้จากแผนการเพิ่มรสชาติใหม่เพื่อสร้างสีสันและเพิ่มความแปลก พร้อมกันนี้แผนในอนาคตบริษัทฯเตรียมนำสินค้าในกลุ่ม คุ้กกี้ แบรนด์ ซูโม่ นำเข้ามาทำตลาดอีกด้วย
นายเว็น กล่าวว่า ตลาดแครกเกอร์เป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้น จาก 2-3 ปีที่ผ่านมายักษ์ใหญ่หลายค่ายลงมาจับขนมในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น อาทิ แบรนด์เมจิทวิน และโฮมมี่ ต่างก็ให้ความสำคัญในกลุ่มนี้เนื่องจากมีอัตราการเติบโตมากที่สุด โดยในปีนี้ มูลค่าตลาดรามสินค้าในกลุ่มนี้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและเติบโตได้มาก ในขณะที่ภาพรวมของตลาดในกลุ่มขนม(บิสคิต)โดยรวมมีมูลค่าประมาณ 8,000- 10,000 ล้านบาท มีการเติบโต 15 %โดยแบ่งออกเป็น คุ้กกี้ 30% , เวเฟอร์ 30% และแครกเกอร์ 30 % ที่เหลืออื่นๆ โดยบริษัทฯมีอัตราการเติบโตในแครกเกอร์ค่อนข้างสูง คือ มี แชร์ อยู่ที่ 5% จากตลาดรวม และครองอันดับ 5 ของตลาด สำหรับเจ้าตลาดคือ ฟันโอ ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 10%, Tivoli 8%
ทั้งนี้จากแผนการรุกเข้าทำตลาดที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในแง่ของการเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า อีกทั้งแบรนด์ วอยส์ มีจุดเด่นเรื่องของสินค้า ประกอบกับราคาที่สมเหตุสมผล บริษัทฯเชื่อว่ามาร์เก็ตแชร์ที่วอยส์มีอยู่ในตลาดในขณะนี้อยู่ 5% จะเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 10% และจะสามารถขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มขนมแครกเกอร์ในประเทศไทยในปี 2550 ได้อย่างแน่นอน