รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชื่อเหตุการณ์ลอบวางระเบิดจะไม่กระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในประเทศ เนื่องจากนักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังมีโอกาสพูดคุยกันในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา พร้อมระบุรัฐบาลเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติอยู่แล้ว ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งสร้างบรรยากาศการลงทุนให้น่าลงทุนมากขึ้น
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนภายในประเทศไทย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนที่จะเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศจะมีการศึกษาข้อมูลในภาพรวมอย่างละเอียดและพิจารณาถึงระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน นโยบายการส่งเสริมลงทุน กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน และการให้บริการนักลงทุนในด้านต่างๆ เป็นหลัก
“ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะกับนักลงทุนชาวต่างประเทศ โดยได้สอบถามถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความไม่สงบ เพราะเป็นเรื่องภายในประเทศ แต่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องของภาพพจน์ซึ่งอาจกระทบด้านการท่องเที่ยวของประเทศ และอยากให้รัฐบาลหามาตรการเข้าไปดูแลอย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลก็ได้ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง” นายปิยะบุตร กล่าว
สำหรับการชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงต่างประเทศได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่กระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งสร้างบรรยากาศการลงทุนให้น่าลงทุนมากขึ้นด้วยการพัฒนาด้านการให้บริการ ระบบโลจิสติกส์และฝีมือแรงงาน เพื่อใช้เป็นปัจจัยในการดึงดูดนักลงทุน และเชื่อมั่นว่าในปี 2550 ภาพรวมภาคการผลิต การลงทุน และการบริโภคภายในประเทศจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2550 ของกระทรวงอุตสาหกรรม นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ เร่งใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงานและเงินทุนหมุนเวียนในประเทศเพิ่มขึ้น
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนภายในประเทศไทย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนที่จะเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศจะมีการศึกษาข้อมูลในภาพรวมอย่างละเอียดและพิจารณาถึงระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน นโยบายการส่งเสริมลงทุน กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน และการให้บริการนักลงทุนในด้านต่างๆ เป็นหลัก
“ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะกับนักลงทุนชาวต่างประเทศ โดยได้สอบถามถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความไม่สงบ เพราะเป็นเรื่องภายในประเทศ แต่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องของภาพพจน์ซึ่งอาจกระทบด้านการท่องเที่ยวของประเทศ และอยากให้รัฐบาลหามาตรการเข้าไปดูแลอย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลก็ได้ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง” นายปิยะบุตร กล่าว
สำหรับการชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงต่างประเทศได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่กระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งสร้างบรรยากาศการลงทุนให้น่าลงทุนมากขึ้นด้วยการพัฒนาด้านการให้บริการ ระบบโลจิสติกส์และฝีมือแรงงาน เพื่อใช้เป็นปัจจัยในการดึงดูดนักลงทุน และเชื่อมั่นว่าในปี 2550 ภาพรวมภาคการผลิต การลงทุน และการบริโภคภายในประเทศจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2550 ของกระทรวงอุตสาหกรรม นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ เร่งใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงานและเงินทุนหมุนเวียนในประเทศเพิ่มขึ้น