xs
xsm
sm
md
lg

“สุวิทย์”ระดมสมองเอกชนกู้ท่องเที่ยว เล็งใช้เวทีเอทีเอฟแจง10ป.เพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สุวิทย์”นัดเอกชนด้านท่องเที่ยวถกปัญหาด่วนวันนี้ รับมือสถานการณ์ความไม่สงบและเหตุการณ์วางระเบิดป่วนเมือง   เล็งใช้เวที ATF ชี้แจงประเทศกลุ่มอาเซีย ด้านททท.ยอมรับ 4 ประเทศตลาดหลัก อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ออกประกาศงดการเดินทางมากรุงเทพฯแล้ว ด้านตำรวจท่องเที่ยวระดมกำลังกว่า 3,000 นายตรวจเข้มทุกพื้นที่ท่องเที่ยว ขณะที่ภาคเอกชนออกเปรยหากสถานการณ์ยืดเยื้อหวั่นท่องเที่ยวไทยปีนี้ซบยาว

ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ในวันนี้(4 ม.ค.50) จะเชิญภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวมาร่วมหารือร่วมกันเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาด้านการท่องเที่ยวอันเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบในขณะนี้ โดย กระทรวงฯและททท.จะชี้แจงถึงการทำงานและมาตรการการแก้ไขของภาครัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ และจะรับฟังสถานการณ์ในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเอกชน แล้วนำมาประมวลผลเพื่อหาวิธีการหรือมาตรการขึ้นมาแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และประชาชนคนไทย

ทั้งนี้ในส่วนที่กระทรวงฯได้ดำเนินการไปแล้ว คือการออกแถลงการณ์ในนามรัฐบาลไทยส่งไปยังสำนักงานททท.ในต่างประเทศ และตัวแทน ททท.ในต่างประเทศรวมทั้งหมด 34 แห่ง แจ้งถึงการทำงานของรัฐบาลไทย รวมถึงมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อให้ทุกสำนักงานได้นำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่ ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำแถลงการณ์ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ออกไปเผยแพร่ในสำนักงานต่างประเทศของกระทรวงทั้งสองแห่งดังกล่าวด้วย สำหรับในส่วนของข้อมูลที่ออกแถลงการณ์ได้ร่วมมือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ(กอ.รมน.)ในการนำเสนอข้อมูลการทำงานของรัฐบาลมาเผยแพร่ นอกจากนั้น ททท.ยังได้มีศูนย์สื่อสารในภาวะวิกฤติ(ไครซีท คอมมิวนิเคชั่นเซ็นเตอร์) เพื่อรับและให้ข่าวสารที่ถูกต้องออกเผยแพร่ต่อสาธารณะชน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้จะกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวเพียงระยะสั้น 1-2 เดือนเท่านั้นเมื่อเราแสดงให้เขาได้เห็นถึงมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัย ให้เขาเกิดความเชื่อมั่น ทุกอย่างก็จะกลับคืนมาเป็นปกติ ซึ่ง ณ ขณะนี้เรายังไม่มีการปรับลดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้แต่อย่างใด” ร.ท.สุวิทย์ กล่าว

ยืนยันจัดงานทุกกิจกรรมตามเดิม
อย่างไรก็ตามในส่วนของแผนการทำงานของกระทรวงฯยังขอยืนยันว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม โดยจะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในทุกรูปแบบตามที่วางไว้ เช่น การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ การจัดงานเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการจัดแข่งขันกอล์ฟ “รอยัล โทรฟี่”(Royal Trophy) ระหว่างทีมนักกอล์ฟจากกลุ่มเอเชียกับกลุ่มยุโรป โดยจะมีขึ้นในวันที่ 12-14 ม.ค.50 แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าได้มีกรุ๊ปทัวร์จากประเทศมาเลเซีย จำนวน 30 คน ที่ขอยกเลิกที่จะเข้ามาชมการแข่งขันดังกล่าวเพียงกรุ๊ปเดียวเท่านั้น ส่วนกรุ๊ปทัวร์จากประเทศอื่นๆ ยังคงยืนยันที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย

ร.ท.สุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า จะใช้เวทีการประชุมอาเซียทัวริส ฟอรัม(เอทีเอฟ) หารือกับผู้นำ 10 ประเทศกลุ่มอาเซีย เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวร่วมกันในภูมิภาค พร้อมกับชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในขณะนี้ให้ทราบถึงข้อเท็จจริงและการทำงานทั้งหมดของรัฐบาลไทย

4ประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว
สำหรับรายงานจาก ททท.ล่าสุดแจ้งว่าหลายสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ที่แจ้งผลของการประชาสัมพันธ์แถลงการณ์ของรัฐบาลไทยให้ต่างชาติได้รับรู้แล้ว เช่น สิงคโปร์ นิวยอร์ค ซิดนีย์ ไทเป โซล โอซาก้า ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ ตอบกลับมาส่วนใหญ่ว่า มีการโทรศัพท์เข้ามาสอบถามความคืบหน้าบ้าง แต่ยังไม่มีการยกเลิกการเดินทางเข้ามาประเทศไทยแต่อย่างใด และมี 4 ประเทศที่ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้งดการเดินทางมากรุงเทพมหานคร ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และอังกฤษ โดยเฉพาะที่ประเทศออสเตรเลีย ได้จัดประเทศไทยไว้ที่ระดับ High degree causation ส่วนประเทศญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยง หากนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาประเทศไทย แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบกับตลาดญี่ปุ่นได้เพราะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย

ตร.ท่องเที่ยวระดมกว่า 3พันนายลงพื้นที่
ร.ท.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ที่ได้ดำเนินการแล้วขณะนี้ คือการระดมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ 1,036 นาย และอาสาสมัครอีกกว่า 2,000 คนประจำทุกจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ รวมถึงสนามบิน ,สถานีรถไฟ ,สถานีรถไฟฟ้า โดยกระจายกำลังกันทำงานทั้งชุดในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ เน้นการตรวจอย่างเป็นรูปธรรมตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ถนนข้าวสาร และซอยพัฒน์พงศ์ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เกาะสมุย เกาะภูเก็ต กระบี่ พัทยา และสถานที่ที่มีการจัดอีเว้นต์ใหญ่ๆ โดยจะทำต่อเนื่องไปจนจบไฮซีซั่นของปีนี้ และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดตลอดไป

ในส่วนของ ททท. ได้มีการสั่งการให้สำนักงาน ททท.ต่างประเทศทำงานด้านการประชาสัมพันธ์สื่อสารให้เข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศไทยในข้อเท็จจริงอย่างถูกต้อง โดยเน้นหนักมากขึ้นในประเทศที่มีความวิตกมาก และประเทศที่ออกประกาศเตือนประชาชน

หวั่นสถานการณ์ยืดเยื้อท่องเที่ยวซบยาว
นางสาวบุญฑริก กุศลวิทย์ อุปนายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา มองว่ารัฐบาลต้องเร่งควบคุมสถานการณ์ให้ได้ เพราะหากปล่อยให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแน่นอน แต่ในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะยังอยู่ในเทศกาลเดินทางท่องเที่ยว แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ จะกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยในอนาคต คือนับจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่า การทำงานของรัฐบาลไทยขณะนี้เป็นไปอย่างถูกต้องเป็นขั้นตอน ซึ่งน่าจะสร้างความน่าเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง

ขณะที่นางสาวมัยรัตน์ พีระญาโกศล กรรมการผู้จัดการ ลีเบญ ทราเวล อดีตนายกสมาคมสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ(สทน.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยจะทำให้อุตสาหกรรมที่ตกอยู่ในภาวะถดถอย เพราะต่างชาติเกิดความไม่เชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยของไทย ส่วนตลาดคนไทยเกิดความหวาดระแวงที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว และจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ก็จะทำให้การเดินทางเที่ยวของคนไทยไปต่างประเทศ จะลดน้อยลงด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น