เปิดสมรภูมิ “ของเล่นเด็ก” ปี 2550 ยังแข่งขันดุเดือด ชี้เทรนด์เกาะติดกับสถาบันการศึกษามากขึ้น หวังสร้างภาพลักษณ์ของเล่นเพื่อการศึกษา นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทยคาดการณ์ จะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นอีกมาก ทั้งนำเข้าและผลิตในไทย ด้านเอกชนรายใหญ่ ดีทแฮล์ม เร่งเพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรม
ธุรกิจของเล่นเด็กในปีหน้าเป็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า การแข่งขันจะไปในทางทิศใด แต่รับรองว่าต้องมีความเข้มข้นและมีความดุเดือดมากกว่าปี 2549 อย่างแน่นอน ผู้ประกอบการทั้งหลายที่มีอยู่ในตลาด ต่างพากันแตกตัวและมีแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนแบรนด์ให้มีความทันสมัยและสอดรับกับตลาดให้ได้มากที่สุด เนื่องจากภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอีกทั้งค่าน้ำมันที่มีราคาสูงอยู่อย่างต่อเนื่องเมื่อปี 2549 อีกทั้งค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งตัวขึ้นอีก นั่นจะเป็นตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับของเด็กเล่นจะยังทรงตัวหรือว่าทรุดตัวลง
ส.ของเล่นไทยชี้เทรนด์แข่งปีหน้า
นางสาวดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 13 – 14% ตั้งแต่ช่วงต้นปี 254 9 ส่งผลให้ผู้ประกอบการของเล่นเด็กจำเป็นต้องพลิกแผนทำธุรกิจต่อในปี 2550 ต้องชูจุดแข็งและความโดดเด่นของตัวสินค้าให้ได้มากที่สุดและเรื่องที่มีความสำคัญที่นับได้ว่าเป็นหัวใจของการทำธุรกิจของเล่น คือ ศักยภาพของตัวสินค้าและการสื่อสารตัวสินค้าที่มีอยู่ออกไปในเทรนด์ของเล่นเพื่อการศึกษาและเสริมทักษะมากยิ่งขึ้น
โดยการเข้าร่วมกับสถานศึกษารวมถึงการร่วมจัดกิจกรรม อีเว้นต์ต่างๆเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ปกครองให้ได้ทราบถึงคุณประโยชน์ของสินค้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของเล่นแต่แฝงด้วยความรู้ที่มีคุณประโยชน์ และเสริมสร้างทักษะได้อีกทางหนึ่ง แนวโน้มของสินค้าที่คาดว่าจะมีการเติบโตและสอดรับกับตลาดได้มากที่สุดน่าจะเป็นสินค้าในกลุ่มของเทคโนโลยี (ของเล่นไซเบอร์) รองจากลุ่มนี้กลุ่มสินค้ารายอื่นก็ยังสามารถเติบโตได้อยู่ อาทิ กลุ่มของเล่นไม้ พลาสติก และของเล่นทั่วไป
ปัจจุบันของเล่นได้เปลี่ยนภาพแบบเดิมๆที่ได้เพียงแค่ให้ความสุขและใช้ช่วงเวลาโดยสูญเปล่าเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือที่จะเสริมสร้างทักษะควบคู่จากการเล่นและเชื่อมเครือข่ายเข้ากับการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายต่างให้ความสำคัญตรงจุดนี้มากขึ้น เพื่อหลีกหนีการแข่งขันที่มีอยู่ในตลาดที่มีมากแล้ว รวมถึงการเชื่อมกับธุรกิจการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเป็นตลาดใหญ่และมีมูลค่าสูงมาก
การเข้าร่วมผูกพันธมิตรกับเครือข่ายนี้จะสามารถสร้างยอดรายได้ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้นอกจากการแข่งขันในส่วนของการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรระหว่างเครือข่ายการศึกษาแล้ว ตลาดหลักตามโมเดิร์นเทรดที่เป็นเสมือนบ่อทองของกลุ่มผู้ประกอบการ ก็ยังมีความสำคัญอยู่เช่นเคย ซึ่งเชื่อว่าการแข่งขันก็ยังสูงอยู่
ในปีหน้าช่องทางการจำหน่ายต่างๆอาจมีคู่แข่งหน้าใหม่หลายรายเข้ามาร่วมลงแข่งกันมากยิ่งขึ้นจากเดิมมีคู่แข่งในตลาดประมาณ 40 -50 ราย ซึ่งยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในตลาดในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 10 กว่ารายและมีความเป็นไปได้สูงมากขึ้นเนื่องจากปัจจัยค่าเงินบาทแข็งขึ้นโดยเฉพาะสินค้านำเข้าที่จะมีมากขึ้น เนื่องจากอัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินมีราคาถูกลงมาก กลุ่มนักลงทุนนำสินค้าต่างชาติเข้ามาประเทศมากขึ้น โดยการเข้ามาทำตลาดของนายทุนจากต่างประเทศรวมทำให้ตลาดมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ตลาดในปีหน้ากลับมาคึกคักสวนกระแสค่าเงินบาทได้อีกทางหนึ่งที่ในระยะเวลาช่วงหนึ่งยอดขายจากช่วงต้นปีภาพรวมตลาดมีการหยุดชะรอการเติบโตอยู่บ้างพอสมควร
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2549 ตามรายงานของสภาอุตสาหกรรมของเล่นมูลค่าตัวเลขการส่งออกมีประมาณ 187 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมูลค่าประมาณ 7 พันกว่าล้านบาท ซึ่งตัวเลขของการส่งออกไปยังต่างประเทศยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เมื่อมองจากตัวเลขส่งออกในช่วง 6 เดือนของปี 2549 พบว่ายอดการส่งออกของเล่นมีการเติบโตบวกซึ่งมีอยู่ประมาณ 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากช่วงปีก่อนหน้า สัดส่วนตลาดส่งออกหลักๆแบ่งเป็นประเทศ ได้แก่ อเมริกา 40% ญี่ปุ่น 30% อังกฤษ 20% ที่เหลือประเทศอื่นๆอีก 10%
ส่วนตลาดในประเทศ การนำเข้าของเล่นมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน 5-6% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้การทำกิจกรรมมีความคึกคักมากขึ้น อย่างไรก็ตามในด้านหนึ่งแม้ต้นทุนที่เพิ่มสูงแต่ก็มีผลดีในแง่ของการแข่งขันกันมากขึ้น ผู้ประกอบการหลายราย ต่างก็ปรับกลวิธีในรูปแบบการนำเสนอตัวผลิตภัณฑ์กันมากขึ้น จึงส่งผลดีต่อภาพรวมในประเทศในการแข่งขันผลิตภัณฑ์ของเล่นให้มีการเติบโตขึ้น
อัดกิจกรรมกระตุ้นตลาด
แม้ว่าแนวโน้มการแข่งขันธุรกิจของเล่นในตลาดจะมีความคึกคักเนื่องจากสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นมานั้น ทางสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทยก็มีการจัดโครงการประกวดต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับของเล่นเช่น โครงการ Good Toy Awards ซึ่งเมื่อปี 2549 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ต่อจากนี้ไปสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทยจะส่งเสริมการจัดงาน Good Toy Awards ทุกๆปี ซึ่งการจัดงานเชื่อว่าจะสามารถเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยผลักดันให้กลุ่มผู้ประกอบการรวมถึงผู้ที่มีความสนใจออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีประโยชน์ในเชิง สร้างสรรค์ ได้โชว์ฝีมือ และเชื่อว่าจากการจัดโครงการดังกล่าวขึ้นนั้น จะสามารถเพิ่มแรงกระตุ้นให้กลุ่มผู้ประกอบการได้ทราบถึงวิวัฒนาการในการปรับปรุงแก้ไขในตัวผลิตภัณฑ์ของตนเพิ่มมากขึ้น และทางสมาคมฯยังเชื่อมั่นว่าภาพรวมการเติบโตประเภทของเล่นน่าจะยังมีการเติบโตได้อีก 4- 5% อย่างนี้ทุกๆปีหรือมีมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
ดีทแฮมท์ลุยตลาดอัดความถี่จัดอีเว้นต์
นายศุภฤกษ์ ชีวะโกเศรษฐ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเล่นแบรนด์ "เลโก้" กล่าวถึงทิศทางการบุกตลาดของบริษัทฯในปี 2550 ว่า จะทำตลาดหนักขึ้นโดยการเพิ่มความถี่ในการจัดอีเว้นต์เพิ่มทุกวันหยุดหรือทุกๆเสาร์-อาทิตย์ โดยการจัดอีเว้นต์จะพยายามสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับกับการแข่งขันในตลาดสาเหตุสำคัญบริษัทฯต้องการใช้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้าให้ได้รับทราบถึงตัวสินค้า ซึ่งจะเน้นการจัดตามแหล่งการศึกษารวมถึงการจัดกิจกรรมตามห้างสรรสินค้าต่างๆเพิ่มมากขึ้น จากเดิมการจัดกิจกรรมจะมีเพียงช่วงปิดเทอมเท่านั้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังเตรียมเพิ่มในส่วนของกิจกรรม 20-30% และแข่งขันเรื่องราคามากขึ้นด้วย โดยสินค้าที่จะลดราคานั้นจะเป็นสินค้าเฉพาะรุ่นเท่านั้น นอกจากการทำตลาดเรื่องราคาแล้วบริษัทฯยังมีการจัดสินค้าในรูปแบบการนำสินค้าใหม่เข้ามาเปิดตัวอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โดยปี 2550 คาดว่าจะมีสินค้าเลโก้ใหม่กว่า 40 รายการ จากปัจจุบันมีสินค้าเลโก้อยู่ 500 รายการ
นายศุภฤกษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องต้นทุนวัตถุดิบบางรายการมีการปรับราคาสูงขึ้นนั้น ทางบริษัทฯพยายามแบกรับภาระตรงนี้ไว้ให้มากที่สุดและปรับขึ้นราคาสินค้าให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็มีสินค้าบางกลุ่มที่ต้องปรับขึ้น ซึ่งมีประมาณ 5 รายการ ได้แก่ ในไลน์สินค้าเด็กโต หรือเลโก้เทคนิค ซึ่งราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาท และได้มีการปรับขึ้นราคาเล็กน้อยหรือไม่เกิน 5%