xs
xsm
sm
md
lg

“แอคทีฟ”เลือดเข้าตาขู่ฟ้องรัฐถ้าล้มอีลิทการ์ดเสียหายหมื่นลบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แอคทีฟขู่รัฐบาลถ้าประกาศล้มโครงการบัตรอีลิท ให้เตรียมรับมือการถูกฟ้องร้องและเรียกค่าเสียหายอีกหลายหมื่นล้านบาทจากตัวแทนขายและสมาชิก  ยังไม่นับรวมภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของประเทศไทยที่จะต้องหมดไป  เผยทิศทางการดำเนินงานภายใต้บอร์ดใหม่กำลังไปได้สวย แต่หลับล้มทั้งยืนในเดือนที่ผ่านมาจากความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐ

นางสุนทรี  จันทร์ประสิทธิ์  ประธานบริษัท แอคทีฟ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด  เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะยกเลิกโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิทในระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของบริษัท และตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเป็นอย่างมาก  เพราะไม่สามารถจำหน่ายบัตรอีลิทได้เลย ขณะเดียวกันลูกค้าที่ทำสัญญาและเตรียมที่จ่ายเงินค่าบัตรให้แก่บริษัทก็ได้ชะลอการจ่ายเงินออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อดูท่าทีนโยบายของรัฐบาลให้แน่นอนก่อน โดยตรงนี้มีจำนวนถึง 121 รายๆละ 1 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินที่ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้ถึง 121 ล้านบาท ส่วนบริษัทเองก็ขาดรายได้ไปมากกว่า 33 ล้านบาท   ซึ่งหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะส่งผลให้ตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศที่ลงทุนตั้งออฟฟิศสำนักงานไปแล้วต้องปิดกิจการลงไป

รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเร่งสร้างความชัดเจนในโครงการดังกล่าว ถ้ารัฐบาลจะยุบทิ้งโครงการจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะไม่เพียงแต่ที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินค่าบัตรคืนแก่สมาชิกรวมเป็นเงินประมาณ  2,160 ล้านบาท จากยอดสมาชิก 1,333 ราย จาก 42 ปะเทศทั่วโลก  หรือเฉลี่ยประมาณรายละ 1.2 ล้านบาท

 แต่รัฐบาลยังต้องเตรียมเงินไว้สำหรับจ่ายค่าฟ้องร้องจากสมาชิกผู้ถือบัตร รวมถึงตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทสอีกหลายหมื่นล้านบาท เพราะเชื่อว่าบุคคลระดับนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง เขาไม่ได้สนใจเรื่องราคาบัตร แต่เขาจะคำนวนไปถึงมูลค่าความเสียหายจากการเสียโอกาสทางการลงทุน ขณะเดียวกันในส่วนของตัวแทนจำหน่าย ซึ่งแต่ละรายมีธุรกิจมากกว่า 1 บริษัท ซึ่งการยกเลิกบัตรอีลิทการ์ด จะทำให้บริษัทเหล่านั้นขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่เขามีอยู่ในมือทั้งหมด กระทบถึงธุรกิจหลักของเขาเหล่านั้นด้วย  ซึ่งการฟ้ องร้องเราไม่สามารถคำนวนได้ว่า ใครจะเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าใด เพราะกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคแต่ละประเทศแตกต่างกัน

“กระบวนการฟ้อง้อง บางรายอาจทำไปตามลำดับ คือสมาชิกฟ้องตัวแทนขาย ตัวแทนขายฟ้องมายังแอคทีฟ ซึ่งแอคทีฟเองก็คงต้องส่งการฟ้องร้องต่อนี้ไปให้ยัง บริษัทไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด(ทีพีซี) และสุดท้ายผู้ที่จะต้องรับผิดชอบทั้งหมดคือรัฐบาล ความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ภาพลักษณ์ของประเทศไทยและรัฐบาลไทย” นางสุนทรีกล่าว

สำหรับแผนงานของแอคทีฟ และตัวแทนจำหน่ายระดับภูมิภาค ซึ่งได้มีการทำงานร่วมกัน มีแผนชัดเจนในการทำงาน เพื่อเจาตลาดเป้าหมายเป็นรายภูมิภาค เช่น ยุโรป  เอเชีย และ ตะวันออกกลาง  

โดยหลังจากที่ทีพีซี มีการจัดตั้งบอร์ดบริหารชุดใหม่ ซึ่งมีนางไพฑูรย์ พงษ์เกษร รองอธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธาน ได้มีการวางแผนและทำงานร่วมกันมากขึ้น โดยบริษัทได้เสนอให้มีการปรับขึ้นราคาบัตรทุกปี เช่น ปีหน้าวางแผนปรับราคาบัตรเป็นใบละ 2 ล้านบาท และพอถึงจุดหนึ่งจะหยุดจำหน่ายบัตรแล้วหันมาบริหารจัดการเพียงอย่างเดียว โดยบริษัทตั้งเป้า 3 ปีตั้งแต่ปี 2550-2552 จะสามารถขายบัตรสมาชิกใหม่ได้อีกไม่น้อยกว่า  3,424 ราย สร้งรายได้เข้าประเทศอีกกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับรวมมูลค่าการลงทุนที่สมาชิกเหล่านั้นจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นมูลค่าอีกเป็นหมื่นล้านบาทเช่นกัน

นางสุนทรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ได้ส่งจดหมานเพื่อขอเข้าพบและชี้แจงกับภาครัฐรวม 3 หน่วยงานหลัก คือ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี, ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และร.ม.ว.กระทรวงการคลัง และร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบรับให้เข้าพบจึงไม่รู้ว่าจะไปชี้แจงกับใคร ขณะเดียวกันในบางกระแสข่าวที่ว่าจะเปลี่ยนโอนให้เอกชนเข้าบริหาร100เปอร์เซนต์นั้น มองว่าจะทำให้องค์กรขาดความเชื่อถือ เพราะระดับหนึ่งที่สมาชิกตัดสินใจซื้อ เพราะเป็นบัตรของรัฐบาล ยิ่งการออกกฏควบคุมการต่อวีซ่า 90 วัน ของนักท่องเที่ยว ยิ่งทำให้นักลงทุนรายย่อย และ นักลงทุนในตลาดหลักทรัพยื สนใจที่จะเข้ามาเป็นสมาชิก เพราะ เขาจะได้สิทธิที่ไม่ต้องเดินทางออกไปต่างประเทศเพื่อต่อวีซ่า

สำหรับแนวคิดที่หากรัฐบาลจะไม่ดำเนินโครงการต่อ แต่คงบริหารอยู่เพียงสมาชิกทีมีอยู่ในขณะนี้เท่านั้น ก็มองว่าจะต้องถูกตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ที่เขาลงทุนตั้งสำนักงานขายไปแล้วฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเช่นกัน  
กำลังโหลดความคิดเห็น