รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำหนังสือยืนยันขอกู้เงินเจบิก เพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 5 สาย เนื่องจากเงินกู้ต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ และมีระยะเวลาการกู้นาน มั่นใจเจบิกจะให้เงินกู้แก่ไทย พร้อมคาดสามารถเริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าได้กลางปีหน้า
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อการร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) เพื่อยืนยันการขอใช้เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นในโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระยะแรกทั้ง 5 สาย โดยกระทรวงการคลัง มั่นใจว่า เจบิกยินดีที่จะให้เงินกู้กับไทยแน่นอน แม้ว่าไทยจะอยู่ระหว่างปฏิรูปการเมือง เพราะญี่ปุ่นเชื่อมั่นศักยภาพของประเทศไทย และการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาของไทย ไม่เหมือนกับประเทศอื่น
ส่วนการที่กระทรวงการคลังยังเลือกเจบิกเป็นแหล่งเงินกู้อันดับแรก เนื่องจากได้รับเงื่อนไขที่ดี โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาดร้อยละ 1.5-2 มีระยะเวลาการกู้ระยะยาว 30-40 ปี เหมาะสมกับโครงการรถไฟฟ้าที่ต้องใช้เวลานาน นอกจากนี้ สกุลเงินเยนที่กู้ยืมยังนำมาใช้ปิดความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน ทางญี่ปุ่นก็สนับสนุนโครงการในเรื่องสิ่งแวดล้อม การลดมลภาวะ และอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นสาขาพัฒนาที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญ ส่วนเงินกู้ของรัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่มีเงื่อนไขผูกมัดให้ต้องซื้อสินค้า และบริการจากประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นการเฉพาะ
นายพงษ์ภาณุ กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดว่าแต่ละโครงการจะใช้เงินจากส่วนใดบ้าง โดยเบื้องต้นจะเป็นเงินกู้จากต่างประเทศประมาณร้อยละ 60 ที่เหลือเป็นเงินงบประมาณ และเงินกู้ในประเทศ ซึ่งเงินกู้ทั้งหมดจะนำมาลงทุนในระบบรางจำนวน 160,000 ล้านบาท ส่วนระบบการเดินรถและรถไฟฟ้า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเชื่อว่าภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมปีหน้า จะดำเนินโครงการรถไฟฟ้าได้