ทีเอ็นเอส เวิลด์พาแนล ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคจากกลุ่มตัวอย่างถาวรจำนวน 2,000 ครัวเรือนเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง การสำรวจได้ครอบคลุมถึงทัศนคติเกี่ยวกับการบริโภคด้วยนอกเหนือไปจากพฤติกรรมการบริโภค ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับตัวผู้บริโภคแทนที่จะเป็นเพียงข้อมูลผู้บริโภคโดยทั่วๆไป
การสำรวจนี้เอื้อให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต่างมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในแง่ของการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคเปรียบเทียบกันในแต่ละปีเนื่องจากผลการสำรวจนี้ได้เน้นถึงปัจจัยที่มีความสำคัญต่อผู้บริโภค
ผลการสำรวจรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนเมืองในประเทศไทยครั้งล่าสุดโดยทีเอ็นเอส เวิลด์พาแนลพบว่า 77% ของผู้บริโภคไทยมีการตั้งงบประมาณในการจับจ่ายซื้อของแต่ละครั้ง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอันสืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลประกาศยกเลิกการตรึงราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้บริโภคลดความถี่ในการเดินทางออกไปจับจ่ายใช้สอยลงและเริ่มหันมากักตุนสินค้าในลักษณะของการซื้อยกโหลและซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น นอกจากนี้ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญด้านราคาเพิ่มมากขึ้น โดย 67% ของผู้บริโภคมีการเปรียบเทียบราคาสินค้ากับปริมาณที่จะได้รับ และ 81% ของผู้บริโภคมีความเห็นว่าราคาคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า อันเป็นการตอกย้ำความสำคัญด้านราคาสำหรับผู้บริโภค
โดยเฉลี่ยแล้วครัวเรือนในตัวเมืองปัจจุบันนี้ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 3 คนหรือน้อยกว่าและผู้บริโภคต่างก็ให้ความสำคัญและใช้เวลากับอาชีพของตนมากขึ้น ในขณะที่ขนาดของครัวเรือนเล็กลงและผู้บริโภคมีข้อจำกัดเรื่องเวลามากขึ้น ความสะดวกสบายก็ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าสำหรับหลายๆคน ทั้งนี้ 51% ของผู้บริโภคใช้เงินไปกับการซื้ออาหารปรุงสำเร็จพร้อมบริโภค
นายเดวิด เฟลล์ ผู้จัดการทั่วไปของทีเอ็นเอส เวิลด์พาแนล ประเทศไทยกล่าวว่า ไม่มีความต่างระหว่างผู้บริโภคชาวไทยกับผู้บริโภคในประเทศอื่นๆทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและและประเทศที่กำลังพัฒนาในแง่ที่ต่างก็มองหาความคุ้มค่านอกเหนือไปจากความสะดวกสบายเพื่อเป็นการสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ทั้งผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต้องหาวิธีที่จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสิ่งที่ตนซื้อนั้นคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป อีกทั้งยังต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆให้แก่ผู้บริโภคด้วย และในสภาพเศรษฐกิจแปรปรวนเช่นนี้ สิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการคือส่วนลดสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค
การสำรวจนี้เอื้อให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต่างมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในแง่ของการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคเปรียบเทียบกันในแต่ละปีเนื่องจากผลการสำรวจนี้ได้เน้นถึงปัจจัยที่มีความสำคัญต่อผู้บริโภค
ผลการสำรวจรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนเมืองในประเทศไทยครั้งล่าสุดโดยทีเอ็นเอส เวิลด์พาแนลพบว่า 77% ของผู้บริโภคไทยมีการตั้งงบประมาณในการจับจ่ายซื้อของแต่ละครั้ง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอันสืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลประกาศยกเลิกการตรึงราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้บริโภคลดความถี่ในการเดินทางออกไปจับจ่ายใช้สอยลงและเริ่มหันมากักตุนสินค้าในลักษณะของการซื้อยกโหลและซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น นอกจากนี้ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญด้านราคาเพิ่มมากขึ้น โดย 67% ของผู้บริโภคมีการเปรียบเทียบราคาสินค้ากับปริมาณที่จะได้รับ และ 81% ของผู้บริโภคมีความเห็นว่าราคาคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า อันเป็นการตอกย้ำความสำคัญด้านราคาสำหรับผู้บริโภค
โดยเฉลี่ยแล้วครัวเรือนในตัวเมืองปัจจุบันนี้ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 3 คนหรือน้อยกว่าและผู้บริโภคต่างก็ให้ความสำคัญและใช้เวลากับอาชีพของตนมากขึ้น ในขณะที่ขนาดของครัวเรือนเล็กลงและผู้บริโภคมีข้อจำกัดเรื่องเวลามากขึ้น ความสะดวกสบายก็ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าสำหรับหลายๆคน ทั้งนี้ 51% ของผู้บริโภคใช้เงินไปกับการซื้ออาหารปรุงสำเร็จพร้อมบริโภค
นายเดวิด เฟลล์ ผู้จัดการทั่วไปของทีเอ็นเอส เวิลด์พาแนล ประเทศไทยกล่าวว่า ไม่มีความต่างระหว่างผู้บริโภคชาวไทยกับผู้บริโภคในประเทศอื่นๆทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและและประเทศที่กำลังพัฒนาในแง่ที่ต่างก็มองหาความคุ้มค่านอกเหนือไปจากความสะดวกสบายเพื่อเป็นการสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ทั้งผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต้องหาวิธีที่จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสิ่งที่ตนซื้อนั้นคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป อีกทั้งยังต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆให้แก่ผู้บริโภคด้วย และในสภาพเศรษฐกิจแปรปรวนเช่นนี้ สิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการคือส่วนลดสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค