สยามร่วมมิตรอัดงบการตลาดปีหน้ากว่า200ล้านบาทรับศึกตลาดสแน็คแข่งขันสูง ปีหน้าโฟกัสเปิดตัวรสชาติใหม่และเล็งส่งแบรนด์ใหม่สู่ตลาดช่วงปลายปี คาดดันยอดขายรวมโต50-100% วาดฝันภายใน3-5ปียอดขายโต3เท่าและแชร์เพิ่มเป็น20%
นายสุรเดช นภาพฤกษ์ชาติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว ภายใต้แบรนด์ข้าวเกรียบกุ้งฮานามิ,รวยเพื่อน,สแน็คแจ๊คและคอร์นพัฟฟ์ ฯลฯ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดของบริษัทฯภายในระยะ3-5ปีนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มสแน็คหรือขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพและสแน็คทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2550บริษัทฯเตรียมออกรสชาติใหม่ในแบรนด์ขนมเดิมที่มีอยู่ รวมถึงมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในกลุ่มสแน็คหรือขนมขบเคี้ยวอีก1แบรนด์ในช่วงปลายปีหน้า โดยยังคงยึดมั่นในคอนเซ็ปต์“สแน็คที่ไม่ทอด”(Snack is not Fried) รวมถึงมีแผนพัฒนาขนมสแน็คทั่วไปบางตัวให้เป็นแนวเพื่อสุขภาพมากขึ้น ภายใต้งบการตลาดกว่า200ล้านบาทในการทำสื่อประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องทั้งปี ทั้งนี้เพื่อดันยอดรายได้ปีหน้าเติบโตขึ้น50-100%
“ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดจะเน้นการเปิดตัวรสชาติใหม่มากกว่าที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ตรงนี้บริษัทฯมองกลับกันและมีแผนมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ใหม่ทุกปี อย่างล่าสุดเราเพิ่งเปิดตัวข้าวอบกรอบผสมสาหร่ายเคนโด้ไปเมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากเห็นว่าการออกแบรนด์ใหม่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและคาแร็คเตอร์ของสินค้าได้ชัดเจนกว่า”
บริษัทฯยังตั้งเป้าหมายยอดรายได้ของบริษัทฯภายใน3-5ปีนี้จะต้องเติบโต2-3เท่าของยอดปัจจุบันในปีนี้ที่คาดว่าจะปิดที่1,500-1,600ล้านบาท โดยแบรนด์หลักที่ทำยอดขายมากสุด คือ ฮานามิและรวยเพื่อน รวมกันคิดเป็น60% รองมาเป็นสแน็คแจ๊ค20% ทั้งนี้บริษัทฯคาดการณ์ว่าในปี2554จะมียอดขายที่4,000-5,000ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดรวม15-20% จากเดิมมี10%
ส่วนภาพรวมการแข่งขันสแน็คในปีหน้าคาดว่าจะมีการแข่งขันสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้สงครามราคา โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ,การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ และการแย่งพื้นที่ดิสเพลย์ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าตลาดรวมสแน็คยังคงโตได้ปีละ10-15% จากปัจจุบันมูลค่าตลาดสแน็คมี13,000ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าตลาดภายใน3-5ปีจะยังคงเติบโตและมีมูลค่าตลาด15,000ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาทจัดโปรโมชั่นคืนกำไรให้แก่ลูกค้า “30ปีทองสยามร่วมมิตร จับแล้วแจก” เนื่องในโอกาสที่สยามร่วมมิตรครบรอบ30ปี โดยแคมเปญนี้จะมีการแจกทองคำแท่งในรายการ07โชว์ พร้อมด้วยภาพยนตร์โฆษณาในชื่อ “คู่รัก”ออกอากาศพร้อมกันไปด้วย
ปัจจุบันสินค้าของบริษัทฯแบ่งอออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์สแน็ค แบ่งเป็น สแน็คทั่วไป 2 แบรนด์ ได้แก่ ฮานามิซึ่งปัจจุบันมี 4 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม,ฮอตชิลลี่,กุ้งกระเทียมพริกไทยและล่าสุดรสซีฟู้ดผัดพริกเผา และข้าวเกรียบรวยเพื่อน ส่วนกลุ่มสแน็คเพื่อสุขภาพมีสแน็คแจ็ค ปัจจุบันมี 6 รสชาติและเคนโด้ 2 รสชาติ และ2.กลุ่มขนมปังกรอบ แบ่งเป็น คุกกี้อาร์เซนอล และกลุ่มบิสกิต ภายใต้แบรนด์อาร์เซนอล
นายสุรเดช กล่าวต่อว่า การเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดรวมสแน็ค เพราะสินค้าสแน็คต้องมีการอัดลมเพื่อกันกระแทก ซึ่งตรงนี้กินพื้นที่ในการขนส่งสินค้ามาก ทำให้สแน็คนำเข้าจึงมีน้อย รวมถึงเจอปัญหาเรื่องภาษีนำเข้า เป็นต้น
นายสุรเดช นภาพฤกษ์ชาติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว ภายใต้แบรนด์ข้าวเกรียบกุ้งฮานามิ,รวยเพื่อน,สแน็คแจ๊คและคอร์นพัฟฟ์ ฯลฯ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดของบริษัทฯภายในระยะ3-5ปีนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มสแน็คหรือขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพและสแน็คทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2550บริษัทฯเตรียมออกรสชาติใหม่ในแบรนด์ขนมเดิมที่มีอยู่ รวมถึงมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในกลุ่มสแน็คหรือขนมขบเคี้ยวอีก1แบรนด์ในช่วงปลายปีหน้า โดยยังคงยึดมั่นในคอนเซ็ปต์“สแน็คที่ไม่ทอด”(Snack is not Fried) รวมถึงมีแผนพัฒนาขนมสแน็คทั่วไปบางตัวให้เป็นแนวเพื่อสุขภาพมากขึ้น ภายใต้งบการตลาดกว่า200ล้านบาทในการทำสื่อประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องทั้งปี ทั้งนี้เพื่อดันยอดรายได้ปีหน้าเติบโตขึ้น50-100%
“ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดจะเน้นการเปิดตัวรสชาติใหม่มากกว่าที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ตรงนี้บริษัทฯมองกลับกันและมีแผนมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ใหม่ทุกปี อย่างล่าสุดเราเพิ่งเปิดตัวข้าวอบกรอบผสมสาหร่ายเคนโด้ไปเมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากเห็นว่าการออกแบรนด์ใหม่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและคาแร็คเตอร์ของสินค้าได้ชัดเจนกว่า”
บริษัทฯยังตั้งเป้าหมายยอดรายได้ของบริษัทฯภายใน3-5ปีนี้จะต้องเติบโต2-3เท่าของยอดปัจจุบันในปีนี้ที่คาดว่าจะปิดที่1,500-1,600ล้านบาท โดยแบรนด์หลักที่ทำยอดขายมากสุด คือ ฮานามิและรวยเพื่อน รวมกันคิดเป็น60% รองมาเป็นสแน็คแจ๊ค20% ทั้งนี้บริษัทฯคาดการณ์ว่าในปี2554จะมียอดขายที่4,000-5,000ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดรวม15-20% จากเดิมมี10%
ส่วนภาพรวมการแข่งขันสแน็คในปีหน้าคาดว่าจะมีการแข่งขันสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้สงครามราคา โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ,การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ และการแย่งพื้นที่ดิสเพลย์ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าตลาดรวมสแน็คยังคงโตได้ปีละ10-15% จากปัจจุบันมูลค่าตลาดสแน็คมี13,000ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าตลาดภายใน3-5ปีจะยังคงเติบโตและมีมูลค่าตลาด15,000ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาทจัดโปรโมชั่นคืนกำไรให้แก่ลูกค้า “30ปีทองสยามร่วมมิตร จับแล้วแจก” เนื่องในโอกาสที่สยามร่วมมิตรครบรอบ30ปี โดยแคมเปญนี้จะมีการแจกทองคำแท่งในรายการ07โชว์ พร้อมด้วยภาพยนตร์โฆษณาในชื่อ “คู่รัก”ออกอากาศพร้อมกันไปด้วย
ปัจจุบันสินค้าของบริษัทฯแบ่งอออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์สแน็ค แบ่งเป็น สแน็คทั่วไป 2 แบรนด์ ได้แก่ ฮานามิซึ่งปัจจุบันมี 4 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม,ฮอตชิลลี่,กุ้งกระเทียมพริกไทยและล่าสุดรสซีฟู้ดผัดพริกเผา และข้าวเกรียบรวยเพื่อน ส่วนกลุ่มสแน็คเพื่อสุขภาพมีสแน็คแจ็ค ปัจจุบันมี 6 รสชาติและเคนโด้ 2 รสชาติ และ2.กลุ่มขนมปังกรอบ แบ่งเป็น คุกกี้อาร์เซนอล และกลุ่มบิสกิต ภายใต้แบรนด์อาร์เซนอล
นายสุรเดช กล่าวต่อว่า การเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดรวมสแน็ค เพราะสินค้าสแน็คต้องมีการอัดลมเพื่อกันกระแทก ซึ่งตรงนี้กินพื้นที่ในการขนส่งสินค้ามาก ทำให้สแน็คนำเข้าจึงมีน้อย รวมถึงเจอปัญหาเรื่องภาษีนำเข้า เป็นต้น