xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์แฟชั่นเล็งเฉือนราคาสินค้าลดแข่งสิงคโปร์-ฮ่องกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่นเล็งปรับราคาสินค้านำเข้ากลุ่มแฟชั่นลงในปีหน้า เหลือแพงกว่าสิงคโปร์และฮ่องกงอยู่10% จากเดิม20% ระบุมีแผนเพิ่มลูกเล่นให้สินค้า ด้วยการเพิ่มไลน์ใหม่ "บอสสินี่ จูเนียร์" เจาะกลุ่มวัยรุ่นเทรนด์ดี้ ส่วนเอสปรีเน้นเปิดตัวไลน์และคอลเลคชั่นใหม่ พร้อมโฟกัสจัดกิจกรรมหรือการเข้าเป็นสปอนเซอร์ในโครงการต่างๆ  ชี้เทรนด์การเปิดร้านในอนาคตจะเน้นเปิดร้านขนาดใหญ่และมีสินค้าทุกกลุ่ม สนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่เปลี่ยนแปลงเร็ว

นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มแฟชั่น ได้แก่ เอสปรี,บอสสินี่และทิมเบอร์แลนด์ ฯลฯ เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯเตรียมปรับราคาสินค้าแฟชั่นในเครือที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยให้สมเหตุสมผลและมีราคาใกล้เคียงกับที่จำหน่ายในประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ จากเดิมสินค้าในไทยจะแพงกว่า20% ปรับเป็นขายแพงกว่า10% เนื่องจากไทยมีการตั้งภาษีนำเข้าสินค้าแฟชั่นมากถึง40% ทั้งนี้การที่บริษัทฯเตรียมปรับราคาสินค้าก็เพื่อที่ไทยจะสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง2รายได้มากขึ้น รวมถึงคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหันมาซื้อสินค้าเอสปรีหรือบอสสินี่ในไทยแทนการไปซื้อที่ฮ่องกงและสิงคโปร์

นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯยังมีแผนปรับสินค้าแบรนด์ต่างๆให้มีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมนำเข้าไลน์สินค้าใหม่ "บอสสินี่ จูเนียร์" เข้ามาเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยลงหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีอายุ18ปีขึ้นไป จากเดิมกลุ่มเป้าหมายหลักของบอสสินี่จะมีอายุ25ปีขึ้นไป ซึ่งในส่วนแบรนด์บอสสินี่บริษัทฯได้เตรียมใช้งบประมาณการตลาด4-5%ของยอดขาย โดยจะเน้นการสร้างแบรนด์ไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ส่วนแบรนด์เอสปรีในปีหน้าบริษัทฯเตรียมขยายไลน์สินค้าใหม่และคอลเลคชั่นใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับในปีหน้าบริษัทฯให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ หลังจากในปีนี้พบว่าการทำกิจกรรมหรือการร่วมเป็นสปอนเซอร์ในรายการต่างๆแล้วได้รับผลตอบรับดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะแบรนด์บอสสินี่ที่ได้ทำการตลาดร่วมกับยูบีซี อะคาเดมี่ แฟนเทเชียหรือเอเอฟ3ในการร่วมเป็นสปอนเซอร์โครงการ ด้วยการสนับสนุนเสื้อผ้าบอสสินี่ให้นักล่าฝันสวมใส่ขณะอยู่ในบ้าน ซึ่งตรงนี้ช่วยผลักดันให้บอสสินี่ช่วงที่ผ่านมามีการเติบโต6% และจากกระแสเอเอฟ3ช่วยทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าในร้านมากขึ้น รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเทรนด์ดี้มีเพิ่มขึ้น

ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวร้านแฟลกชิพสโตร์ของบอสสินี่ที่เซ็นทรัลเวิลด์อย่างเป็นทางการ มีขนาดพื้นที่ 180 ตารางเมตร ซึ่งร้านนี้มีจำหน่ายสินค้าของบอสสินี่ครบทุกกลุ่ม อาทิ เสื้อผ้าผู้ชาย และเสื้อผ้าผู้หญิง เป็นต้น โดยเทรนด์การเปิดร้านค้าต่อไปในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดร้านขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อที่สามารถจำหน่ายได้ทุกกลุ่ม รวมถึงเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงเร็ว

สำหรับยอดรายได้ของสินค้าแฟชั่นในปีนี้คาดว่าจะปิดที่ 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน30%ของบริษัทฯ โดยแบรนด์หลักที่สร้างยอดรายได้สูงสุด ได้แก่ แบรนด์เอสปรี คิดเป็นสัดส่วนยอดขายกว่า60% รองมาเป็นบอสสินี่ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 300 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตขึ้น8-9% ในปีหน้าบริษัทฯคาดหวังการเติบโตของสินค้ากลุ่มแฟชั่นจะมีกว่า16%
กำลังโหลดความคิดเห็น