เอ็มบีเค หันซบลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น ทุ่มงบ 20 ล้านบาท รีโนเวตพื้นที่เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว จัดโซนอาหารไทย หวังขยายกลุ่มลูกค้าคนไทยวัยทำงาน เหตุปีนี้รายได้พลาดเป้าจากที่ตั้งไว้ 18 ล้านบาท ทำได้เพียง 10 ล้านบาท อ้างเป็นพื้นที่เปิดใหม่ลูกค้ายังไม่รู้จัก เล็งแผนปีหน้าจัดคอนเสิร์ตดึงลูกค้าเข้าศูนย์ฯ
นางริรินดา พูนพิพัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม บี เค เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์อาหาร เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว บริเวณชั้น 5 ศูนย์การค้ามาบุญครอง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นที่ของโซนอาหาร ภายใต้ชื่อ เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว ซึ่งการปรับเปลี่ยนจะใช้พื้นที่ประมาณ 300- 400 ตร.ม. จากเดิมพื้นที่โซนนี้มีทั้งหมดอยู่ 3,500 ตร.ม. ให้กลายเป็นบูธที่สามารถจำหน่ายอาหารไทยที่มีชื่อเสียงของแต่ละท้องถิ่นมากขึ้น อาทิ ผัดไทย และน้ำพริก ทั้งนี้นอกจากการปรับพื้นที่ดังกล่าวแล้วนั้นบริษัทฯยังเตรียมปรับราคาให้ถูกลงลงโดยจะตั้งราคาขายที่ประมาณจานละ 40-50 บาท จากปัจจุบันอาหารที่จำหน่ายอยู่ที่โซนเดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว จะเป็นอาหารต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งมีราคาต่อจานที่ 70-140 บาท ขึ้นไป
ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนดังกล่าว เพื่อต้องการเพิ่มความหลากหลายของอาหารที่จำหน่ายอยู่ในโซน เอดะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว อีกทั้งยังสามารถเพิ่มรายได้ให้กับทางศูนย์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงอยู่นั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการแก้ลูกค้าได้ในเดือน ม.ค. หรือ ก.พ. 50 โดยกลุ่มลูกค้าที่จะขยายเพิ่มขึ้นในศูนย์ฯดังกล่าวจะเป็นกลุ่มคนไทย โดยเฉพาะ วัยทำงานที่ทำงานในย่านนี้และหลังจากผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นลูกค้าหลัก
“ปัจจุบันลูกค้าของ เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว แบ่งออกเป็นชาวต่างชาติ 80-90% และอีก 10-20% เป็นลูกค้าชาวไทย ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดบริการบูธอาหารไทยเพิ่มเติมแล้ว น่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติเพิ่มเป็นคนละ 180 บาทต่อครั้ง จากเดิมเฉลี่ยคนละ 170 บาทต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่ได้เป็นการแย่งฐานลูกค้าคนไทยจากศูนย์อาหารบริเวณชั้น 6 ของมาบุญครองแต่อย่างใด เนื่องจากมีความแตกต่างกันทั้งการตกแต่ง และการบริการที่มีพนักงานเสิร์ฟอาหารถึงโต๊ะ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมดนตรีและคอนเสิร์ตต่างๆ”
สำหรับแผนดำเนินงานในปีหน้า บริษัทจะใช้กลยุทธ์การดึงนักร้องที่ได้รับความนิยมมาแสดงคอนเสิร์ต เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มแฟนคลับของศิลปิน โดยตั้งเป้าหมายว่าในปีหน้าจะมีลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติหมุนเวียนมาใช้บริการวันละ 3,000 คน จากปัจจุบันวันละ 1,800 คน และเพิ่มเป็น 4,000 คนต่อวันในปี 51 และเป็น 5,000 คนในปี 52 ส่วนรายได้รวมในสิ้นปีนี้คาดมีจำนวน 10 ล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ประมาณ 18 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีแรกที่เปิดบริการ อีกทั้งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากนัก
นางริรินดา พูนพิพัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม บี เค เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์อาหาร เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว บริเวณชั้น 5 ศูนย์การค้ามาบุญครอง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นที่ของโซนอาหาร ภายใต้ชื่อ เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว ซึ่งการปรับเปลี่ยนจะใช้พื้นที่ประมาณ 300- 400 ตร.ม. จากเดิมพื้นที่โซนนี้มีทั้งหมดอยู่ 3,500 ตร.ม. ให้กลายเป็นบูธที่สามารถจำหน่ายอาหารไทยที่มีชื่อเสียงของแต่ละท้องถิ่นมากขึ้น อาทิ ผัดไทย และน้ำพริก ทั้งนี้นอกจากการปรับพื้นที่ดังกล่าวแล้วนั้นบริษัทฯยังเตรียมปรับราคาให้ถูกลงลงโดยจะตั้งราคาขายที่ประมาณจานละ 40-50 บาท จากปัจจุบันอาหารที่จำหน่ายอยู่ที่โซนเดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว จะเป็นอาหารต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งมีราคาต่อจานที่ 70-140 บาท ขึ้นไป
ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนดังกล่าว เพื่อต้องการเพิ่มความหลากหลายของอาหารที่จำหน่ายอยู่ในโซน เอดะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว อีกทั้งยังสามารถเพิ่มรายได้ให้กับทางศูนย์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงอยู่นั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการแก้ลูกค้าได้ในเดือน ม.ค. หรือ ก.พ. 50 โดยกลุ่มลูกค้าที่จะขยายเพิ่มขึ้นในศูนย์ฯดังกล่าวจะเป็นกลุ่มคนไทย โดยเฉพาะ วัยทำงานที่ทำงานในย่านนี้และหลังจากผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นลูกค้าหลัก
“ปัจจุบันลูกค้าของ เดอะ ฟิฟท์ ฟูด อเวนิว แบ่งออกเป็นชาวต่างชาติ 80-90% และอีก 10-20% เป็นลูกค้าชาวไทย ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดบริการบูธอาหารไทยเพิ่มเติมแล้ว น่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติเพิ่มเป็นคนละ 180 บาทต่อครั้ง จากเดิมเฉลี่ยคนละ 170 บาทต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่ได้เป็นการแย่งฐานลูกค้าคนไทยจากศูนย์อาหารบริเวณชั้น 6 ของมาบุญครองแต่อย่างใด เนื่องจากมีความแตกต่างกันทั้งการตกแต่ง และการบริการที่มีพนักงานเสิร์ฟอาหารถึงโต๊ะ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมดนตรีและคอนเสิร์ตต่างๆ”
สำหรับแผนดำเนินงานในปีหน้า บริษัทจะใช้กลยุทธ์การดึงนักร้องที่ได้รับความนิยมมาแสดงคอนเสิร์ต เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มแฟนคลับของศิลปิน โดยตั้งเป้าหมายว่าในปีหน้าจะมีลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติหมุนเวียนมาใช้บริการวันละ 3,000 คน จากปัจจุบันวันละ 1,800 คน และเพิ่มเป็น 4,000 คนต่อวันในปี 51 และเป็น 5,000 คนในปี 52 ส่วนรายได้รวมในสิ้นปีนี้คาดมีจำนวน 10 ล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ประมาณ 18 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีแรกที่เปิดบริการ อีกทั้งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากนัก