สนข.จัดสัมมนาระดมสมองดึงภาคเอกชนร่วมพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ เพื่อลดต้นทุนในภาคขนส่ง แก้ปัญหาจราจร และสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทย ด้านกระทรวงคมนาคมสั่งศึกษาจำเป็นต้องจัดตั้งองค์กรพิเศษเพื่อกำกับดูแลเฉพาะด้านหรือไม่
นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ สนข.ได้จัดการสัมมนาเพื่อระดมสมองจากภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็ว ๆ นี้ สำหรับนโยบายเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport System) หรือ ITS ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งและการจราจรของประเทศ ซึ่ง สนข.ได้ร่วมกันศึกษากับหลายหน่วยงาน เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และภาคเอกชนอื่น ๆ โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญ คือ เพิ่มความปลอดภัยการขนส่งและจราจรอย่างทั่วถึง เพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตด้านขนส่ง มีระบบการใช้บริการคล่องตัว ประหยัดการใช้พลังงาน
สำหรับสาระสำคัญในการดำเนินการ เช่นการให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทางผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ การใช้ระบบสื่อสารไอทีเข้ามาจัดระบบจราจร เช่น ระบบไฟสัญญาณอัจฉริยะ การจัดการระบบขนส่งสินค้า เช่น การจัดบริหารในเรื่องลดเที่ยววิ่งเปล่าของรถบรรทุก การจัดการระบบขนส่งสาธารณะ ให้ระบบจองตั๋ว และเดินรถมีความคล่องตัว การชำระค่าธรรมเนียมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการระบบขนส่ง ซึ่งเห็นได้ว่าจากข้อมูลเหล่านี้ ผู้ที่เข้าใจและทราบปัญหามากที่สุด จะเป็นภาคเอกชน และประชาชนผู้ใช้ระบบขนส่งและจราจรในปัจจุบัน
“ที่ผ่านมาการพัฒนาระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะนี้ ได้มีการนำมาใช้นำร่องไปบ้างแล้ว เช่น ระบบสัญญาณไฟและป้ายบอกทางอัจฉริยะ แต่ในอนาคตหากจะมีการขยายการใช้งานระบบไปสู่ส่วนอื่น จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นผู้ใช้งาน และสร้างความเข้าใจในการใช้งานของประชาชนให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงทุนในระบบอัจฉริยะ ระบบคอมพิวเตอร์สื่อสาร เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายไมตรี กล่าว
ด้านนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และจะยิ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในอนาคตตามลำดับนั้น ได้ให้นโยบายแก่ สนข. ว่า แนวทางในอนาคตนั้นจำเป็นต้องมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นเพื่อมากำกับดูแลงานด้าน ITS เฉพาะด้านหรือไม่ เพื่อให้การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแล และภาคเอกชนเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ สนข.ได้จัดการสัมมนาเพื่อระดมสมองจากภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็ว ๆ นี้ สำหรับนโยบายเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport System) หรือ ITS ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งและการจราจรของประเทศ ซึ่ง สนข.ได้ร่วมกันศึกษากับหลายหน่วยงาน เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และภาคเอกชนอื่น ๆ โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญ คือ เพิ่มความปลอดภัยการขนส่งและจราจรอย่างทั่วถึง เพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตด้านขนส่ง มีระบบการใช้บริการคล่องตัว ประหยัดการใช้พลังงาน
สำหรับสาระสำคัญในการดำเนินการ เช่นการให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทางผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ การใช้ระบบสื่อสารไอทีเข้ามาจัดระบบจราจร เช่น ระบบไฟสัญญาณอัจฉริยะ การจัดการระบบขนส่งสินค้า เช่น การจัดบริหารในเรื่องลดเที่ยววิ่งเปล่าของรถบรรทุก การจัดการระบบขนส่งสาธารณะ ให้ระบบจองตั๋ว และเดินรถมีความคล่องตัว การชำระค่าธรรมเนียมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการระบบขนส่ง ซึ่งเห็นได้ว่าจากข้อมูลเหล่านี้ ผู้ที่เข้าใจและทราบปัญหามากที่สุด จะเป็นภาคเอกชน และประชาชนผู้ใช้ระบบขนส่งและจราจรในปัจจุบัน
“ที่ผ่านมาการพัฒนาระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะนี้ ได้มีการนำมาใช้นำร่องไปบ้างแล้ว เช่น ระบบสัญญาณไฟและป้ายบอกทางอัจฉริยะ แต่ในอนาคตหากจะมีการขยายการใช้งานระบบไปสู่ส่วนอื่น จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นผู้ใช้งาน และสร้างความเข้าใจในการใช้งานของประชาชนให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงทุนในระบบอัจฉริยะ ระบบคอมพิวเตอร์สื่อสาร เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายไมตรี กล่าว
ด้านนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และจะยิ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในอนาคตตามลำดับนั้น ได้ให้นโยบายแก่ สนข. ว่า แนวทางในอนาคตนั้นจำเป็นต้องมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นเพื่อมากำกับดูแลงานด้าน ITS เฉพาะด้านหรือไม่ เพื่อให้การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแล และภาคเอกชนเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น