ลี คาเฟ่ เปิดแผนโกอินเตอร์ เตรียมขยายสาขาออกต่างประเทศรูปแบบแฟรนไชส์ เพิ่มรายได้อีกทาง ส่วนแผนลงทุนในประเทศควักเงิน 10 ล้านบาท เดินเครื่องผุดครัวกลางกระจายสินค้าเพิ่ม พร้อมเตรียมขยายสาขาใหม่ ภายใต้ คอนเซ็ปต์สไตล์ จีน – ฝรั่งเศส เป้าแรกโฟกัสที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต้นปีหน้าหวังช่วยดันยอดรายได้เพิ่ม
นายธันวา ภัทรพรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลี แฟมมิลี่ เจ้าของธุรกิจร้านอาหารจีน “ลี คาเฟ่” เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนขยายสาขาร้านอาหารลีคาเฟ่ในต่างประเทศในรูปแบบของแฟรนไชส์ โดยเบื้องต้นจะขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี สิงค์โปร์ และออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและการศึกษารายละเอียดอยู่และคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปที่ชัดได้ช่วงปี 2550
ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารจีนมาโดยตลอด ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งต่างชาติและเป็นคนไทย สัดส่วนลูกค้าของคนไทยที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน จะแบ่งเป็นกลุ่มคนทำงาน 50% กลุ่มนักศึกษา 30% และกลุ่มครอบครัว 20% ทำให้บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสในการขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ เพราะคนต่างประเทศรู้จักดีอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะประสบความสำเร็จเหมือนในประเทศ
ขณะเดียวกันด้านตลาดในประเทศ บริษัทฯได้ใช้งบประมาณเป็นจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่บริเวณพระราม 3 สำหรับเป็นครัวกลางในการกระจายสินค้าและวัตถุดิบไปทุกสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ทั้งนี้นอกจากแผนขยายโรงงานเพิ่มแล้วนั้นบริษัทฯยังเตรียมขยายสาขาใหม่เพิ่มความหลากหลายให้กับร้านภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ โดยการเป็นร้านอาหารสไตล์จีน – ฝรั่งเศส เพิ่ม 1 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงต้นปีหน้าด้วย
ปัจจุบันลี คาเฟ่เปิดให้บริการอยู่ 4 สาขา ได้แก่ สาขา เอราวัณ แบงค็อก, สยาม เซ็นเตอร์ , สุขุมวิท ซอย 2 และสนามบินสุวรรณภูมิ และกำลังจะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ เอสพละนาด ถนนรัชดาภิเษก โดยแต่ละสาขาจะมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันไป เพื่อความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เช่น สาขาเอราวัณ แบงค็อกจะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Fast Casual ส่วนสุขุมวิทจะเป็นคอนเซ็ปต์ Dining on The Terrace ขณะที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 จะเป็นคอนเซ็ปต์ Community Restaurant
“ปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มวัยรุ่นให้มากขึ้น พร้อมตั้งงบประมาณในการทำตลาดไว้ 10% จากยอดขายโดยรวม สำหรับการจัดกิจกรรม บริษัทฯเตรียมใช้สื่อทุกทางเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ถึงแบรนด์ เบื้องต้นเป้าหมายแรกบริษัทฯมุ่งใช้สื่อตามย่านที่มีวัยรุ่นอยู่ เช่น สยามสแควร์ เป็นต้น และคาดว่าจะมีรายได้รวมในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%”
นายธันวา ภัทรพรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลี แฟมมิลี่ เจ้าของธุรกิจร้านอาหารจีน “ลี คาเฟ่” เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนขยายสาขาร้านอาหารลีคาเฟ่ในต่างประเทศในรูปแบบของแฟรนไชส์ โดยเบื้องต้นจะขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี สิงค์โปร์ และออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและการศึกษารายละเอียดอยู่และคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปที่ชัดได้ช่วงปี 2550
ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารจีนมาโดยตลอด ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งต่างชาติและเป็นคนไทย สัดส่วนลูกค้าของคนไทยที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน จะแบ่งเป็นกลุ่มคนทำงาน 50% กลุ่มนักศึกษา 30% และกลุ่มครอบครัว 20% ทำให้บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสในการขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ เพราะคนต่างประเทศรู้จักดีอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะประสบความสำเร็จเหมือนในประเทศ
ขณะเดียวกันด้านตลาดในประเทศ บริษัทฯได้ใช้งบประมาณเป็นจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่บริเวณพระราม 3 สำหรับเป็นครัวกลางในการกระจายสินค้าและวัตถุดิบไปทุกสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ทั้งนี้นอกจากแผนขยายโรงงานเพิ่มแล้วนั้นบริษัทฯยังเตรียมขยายสาขาใหม่เพิ่มความหลากหลายให้กับร้านภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ โดยการเป็นร้านอาหารสไตล์จีน – ฝรั่งเศส เพิ่ม 1 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงต้นปีหน้าด้วย
ปัจจุบันลี คาเฟ่เปิดให้บริการอยู่ 4 สาขา ได้แก่ สาขา เอราวัณ แบงค็อก, สยาม เซ็นเตอร์ , สุขุมวิท ซอย 2 และสนามบินสุวรรณภูมิ และกำลังจะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ เอสพละนาด ถนนรัชดาภิเษก โดยแต่ละสาขาจะมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันไป เพื่อความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เช่น สาขาเอราวัณ แบงค็อกจะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Fast Casual ส่วนสุขุมวิทจะเป็นคอนเซ็ปต์ Dining on The Terrace ขณะที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 จะเป็นคอนเซ็ปต์ Community Restaurant
“ปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มวัยรุ่นให้มากขึ้น พร้อมตั้งงบประมาณในการทำตลาดไว้ 10% จากยอดขายโดยรวม สำหรับการจัดกิจกรรม บริษัทฯเตรียมใช้สื่อทุกทางเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ถึงแบรนด์ เบื้องต้นเป้าหมายแรกบริษัทฯมุ่งใช้สื่อตามย่านที่มีวัยรุ่นอยู่ เช่น สยามสแควร์ เป็นต้น และคาดว่าจะมีรายได้รวมในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%”