xs
xsm
sm
md
lg

สินค้าเวียดนามแข่งขันสินค้าไทย : ต้อนรับ WTO 2550

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวียดนามประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจอย่างงดงาม พร้อมกับก้าวสู่เวทีเศรษฐกิจและการค้าโลกเป็นของขวัญส่งท้ายปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องในปี 2550 หลังจากที่เวียดนามเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) อย่างสมบูรณ์ในช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกของเวียดนามที่ได้รับการลดหย่อนภาษีขาเข้าจากประเทศคู่ค้า ภายใต้กรอบ WTO เพิ่มความได้เปรียบแก่สินค้าเวียดนามในตลาดโลกมากขึ้น คาดว่าการส่งออกของเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยประมาณ 20% ในปี 2550 เทียบกับเป้าหมายอัตราขยายตัวของการส่งออก 19% ในปี 2549 นับเป็นการส่งออกของเวียดนามเติบโตในอัตราค่อนข้างสูงติดต่อกัน ขณะที่การส่งออกของไทย มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราประมาณ 12%-15% ในปี 2550 ชะลอลงเมื่อเทียบกับตัวเลขประมาณอัตราขยายตัวของการส่งออกราว 17% ในปีนี้

ประเทศไทยจึงควรจับตาสินค้าส่งออกของเวียดนามที่แข่งขันกับสินค้าส่งออกของไทย พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์การส่งออกของไทยรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากประเทศไทยและเวียดนามมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่คล้ายคลึง ทำให้สินค้าที่เวียดนามและไทยผลิตได้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเดียวกัน โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา สินค้าประมง จำพวกอาหารทะเล ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ฯลฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าสินค้าส่งออกเวียดนามที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับสินค้าไทย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าที่เวียดนามได้เปรียบสินค้าไทยอยู่แล้ว และกลุ่มสินค้าที่เวียดนามมีโอกาสแซงไทยในระยะต่อไป สรุปได้ดังนี้

( สินค้าเวียดนามที่ได้เปรียบสินค้าไทย : สินค้าส่งออกของเวียดนามหลายรายการแข่งขันได้เปรียบสินค้าไทยอยู่เดิมก่อนที่เวียดนามจะเข้าเป็นสมาชิก WTO และเมื่อเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก WTO เรียบร้อยแล้ว สินค้าเวียดนามจะยิ่งมีความได้เปรียบสินค้าไทยมากขึ้น เพราะบรรดาสมาชิก WTO ที่เป็นประเทศคู่ค้าของเวียดนามจะเปิดตลาดให้แก่สินค้าเวียดนามกว้างขึ้น เมื่อพิจารณาสินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม 15 อันดับแรก สินค้าที่เวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันสูง และสามารถส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลกได้เป็นมูลค่ามากกว่าประเทศไทย จำแนกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

(1) สินค้าที่เวียดนามพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ น้ำมันดิบ อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์ไม้ และถ่านหิน

(2) สินค้าที่เวียดนามอาศัยแรงงานราคาถูกเป็นปัจจัยหลักในการผลิต ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และรองเท้า

(3) สินค้าที่เวียดนามมีความได้เปรียบด้านการเพาะปลูก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของเวียดนามเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรหลายประเภท ส่งผลให้เวียดนามเป็นผู้ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรรายใหญ่ของโลก ได้แก่ กาแฟ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผัก พริกไทย และใบชา

สินค้าที่เวียดนามได้เปรียบสินค้าไทยค่อนข้างชัดเจน ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า อาหารทะเล และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับต้นๆ ของเวียดนาม ซึ่งแข่งขันกับไทยโดยตรง เพราะเป็นรายการสินค้าที่ไทยส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลกเช่นกัน สินค้าเวียดนามเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะขยายการส่งออกได้มากขึ้น หลังจากที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูป เนื่องจากสินค้ารายการนี้ของเวียดนามจะไม่ถูกจำกัดโควตาจากประเทศผู้นำเข้าอีกต่อไป ขณะที่การส่งออกสินค้าสำคัญ อาทิ รองเท้า อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์ไม้ ฯลฯ จะได้รับการปรับลดอัตราภาษีขาเข้าจากประเทศคู่ค้า ภายใต้กรอบ WTO จึงมีแนวโน้มว่าสินค้าส่งออกของเวียดนามกลุ่มนี้จะยังคงได้เปรียบสินค้าส่งออกของไทยในระยะยาว

( สินค้าที่ไทยควรระวัง สินค้าส่งออกของเวียดนามอีกกลุ่มหนึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ แม้ว่าจะยังสู้ไทยไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ แต่ไทยก็ไม่ควรประมาท สินค้าดังกล่าว ได้แก่ สินค้าเกษตรกรรมและสินค้าอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์พลาสติก

(1) ข้าว เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศไทย เวียดนามตั้งเป้าที่จะส่งออกข้าวเป็นปริมาณ 5 ล้านตันในปี 2549 เทียบกับปริมาณส่งออกข้าวของไทยราว 7.5 ล้านตันในปีนี้ ข้าวจัดเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 7 ของเวียดนาม มีมูลค่าส่งออก 1,117 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 9 เดือนแรก 2549 ขณะที่ข้าวเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 17 ของไทย โดยมีมูลค่าประมาณ 1,792 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเดียวกัน

ตลาดส่งออกข้าวของเวียดนาม ได้แก่ ประเทศอาเซียนและกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งคล้ายคลึงกับตลาดส่งออกข้าวของไทย อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิหร่าน อิรัก เป็นต้น ทางการเวียดนามตั้งเป้าที่จะพัฒนาการเพาะปลูกและส่งออกข้าวคุณภาพดีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนรายได้จากการส่งออกข้าว เพราะข้าวชั้นดีสามารถขายได้ราคาดีกว่าข้าวชั้นรอง ข้าวที่เวียดนามส่งออกส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว 25% ซึ่งมีราคาส่งออกประมาณ 250-260 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวขาว 100% จะมีราคาสูงถึง 340-370 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน

(2) ยางพารา จัดเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 8 ของเวียดนาม มูลค่าส่งออกประมาณ 946 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 9เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ไทยส่งออกยางพาราเป็นมูลค่า 4,003ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเดียวกัน โดยยางพาราเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 4 ของไทย แม้ว่าการส่งออกยางพาราของไทยมีมูลค่าสูงกว่าการส่งออกยางพาราของเวียดนามค่อนข้างมาก แต่เวียดนามวางแผนที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูกยางพาราเป็น 4.4 ล้านไร่ ภายในปี 2553 เทียบกับพื้นที่เพาะปลูกยางพาราประมาณ 3.1 ล้านไร่ในขณะนี้ นอกจากนี้ เวียดนามมีโครงการที่จะจัดตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จึงมีแนวโน้มว่าเวียดนามจะสามารถเพิ่มผลผลิตยางพาราและยางแผ่นในระยะต่อไป ส่งผลดีต่อการส่งออกยางพาราของเวียดนามตามไปด้วย ประเทศที่รองรับยางพาราของเวียดนาม ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งเป็นประเทศที่ไทยส่งยางพาราไปขายเช่นกัน

(3) ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย มูลค่าส่งออก 19,445 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 9 เดือนแรก 2549 ขณะที่เวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นมูลค่า 1,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเดียวกัน สินค้ารายการนี้เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 6 ของเวียดนาม

แม้ว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าส่งออกที่ไทยมีความได้เปรียบเวียดนามค่อนข้างสูง โดยการส่งออกสินค้ารายการนี้ของไทยคิดเป็นมูลค่ามากกว่าเวียดนามถึง 16 เท่าตัว แต่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามมีแนวโน้มแจ่มใสเช่นกัน ทั้งด้านการผลิตและการส่งออก เนื่องจากบริษัท Intel ของสหรัฐฯ เตรียมขยายการลงทุนขนาดใหญ่ในเวียดนาม คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามโดยตรง ขณะเดียวกันยังส่งผลดีทางอ้อมแก่เวียดนามด้วย เนื่องจากโครงการลงทุนของบริษัท Intel จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเวียดนามในฐานะแหล่งลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งในเอเชีย และเวียดนามอาจจะกลายเป็นคู่แข่งกับไทยในการส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต

(4) ผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 18 ของไทย มูลค่าส่งออก 1,390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 9 เดือนแรก 2549 ขณะที่เวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นมูลค่า 341 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผลิตภัณฑ์พลาสติกจัดเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 13 ของเวียดนาม แม้ว่ามูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยสูงกว่าของเวียดนามประมาณ 4 เท่าตัว แต่เวียดนามมีโอกาสที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมประเภทนี้อย่างจริงจัง หลังจากที่โรงกลั่นน้ำมันของเวียดนามเปิดดำเนินการ เนื่องจากอุตสาหกรรมพลาสติกเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากน้ำมัน ซึ่งจีนมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับเวียดนามในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันของเวียดนามอยู่แล้ว ดังนั้น ผลิตภัณฑ์พลาสติกของเวียดนามจึงเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีศักยภาพสูงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น