อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยคำพูดของผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) มีความกังวลใจ หากผลการเจรจารอบโดฮาที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ล่มจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ล้มเหลวตามไปด้วย โดยเฉพาะประเทศยากจนจะต้องลำบากมากยิ่งขึ้น พร้อมแนะให้รัฐมนตรีประเทศสำคัญกว่า 20 ประเทศมีความตั้งใจและจริงใจในการเจรจาเพื่อให้เกิดการค้าเสรีที่เป็นธรรมมากกว่านี้
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้า ระหว่างประเทศเปิดเผยว่า ท่าทีของ นายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ที่ได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา รู้สึกกังวลและหวั่นหากการประชุมดับเบิลยูทีโอที่จะเริ่มการประชุมในระดับรัฐมนตรีจากประเทศสำคัญประมาณกว่า 20 ประเทศร่วมถึงประเทศไทยที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2550 นี้ ล่มจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ล้มเหลวตามไปด้วย โดยเฉพาะประเทศที่ยากจนจะต้องประสบความยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาทุกประเทศสมาชิกที่จะต้องยืดหยุ่นกับรัฐมนตรีและผู้แทนการทูตต่าง ๆ ที่จะมาเจรจากันต่อไป เพื่อให้การเจรจาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และสามารถตกลงกันได้ในที่สุด
ทั้งนี้ นายลามี ยังได้กล่าวย้ำว่าข้อเสนอของทุกประเทศควรจะมีความตั้งใจและจริงใจในการเจรจาเพื่อให้เกิดการค้าเสรีที่เป็นธรรมมากกว่านี้ เช่น การลดการอุดหนุนภายในให้มากกว่ารอบอุรุกวัย 2-3 เท่า การลดภาษีสูงเพื่อให้เกิดการค้าที่เป็นธรรมและเกิดรูปธรรมมากขึ้น การลดการอุดหนุนการส่งออกสินค้าเกษตรโดยเร็ว และการที่ประเทศพัฒนาแล้วยินยอมลดภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ให้กับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุดโดยไม่มีโควตา และผู้แทนการทูตจากประเทศอื่น ๆ ได้เน้นถึงความจำเป็นให้การเจรจามีความคืบหน้าภายในปลายเดือนมีนาคมปีหน้าให้ได้ เนื่องจากสหรัฐจะต้องใช้ประกอบการพิจารณาความจำเป็นในการต่ออายุกฎหมายการให้อำนาจในการทำความตกลงเพื่อส่งเสริมการค้า ซึ่งจะหมดอายุในเที่ยงคืนของวันที่ 30 มิถุนายนปีหน้า เพื่อสามารถให้สัตยาบันในสิ่งที่ได้เสนอในรอบโดฮาได้
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมดับเบิลยูทีโอของรัฐมนตรีจากประเทศสำคัญประมาณกว่า 20 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น แคนาดา บราซิล อินเดีย และออสเตรเลีย และอื่น ๆ ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ สิ่งที่นายลามี ได้ตั้งเป้าหมายและคาดหวังในการประชุมสมาชิกในครั้งนี้ โดยจะเป็นการเน้นให้เกิดความก้าวของกระบวนการและขั้นตอนการเจรจามากกว่าที่จะเน้นเนื้อหาสาระ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย แต่ขณะนี้ยกรัฐมนตรีของไทยยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสามารถเดินทางไปเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้า ระหว่างประเทศเปิดเผยว่า ท่าทีของ นายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ที่ได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา รู้สึกกังวลและหวั่นหากการประชุมดับเบิลยูทีโอที่จะเริ่มการประชุมในระดับรัฐมนตรีจากประเทศสำคัญประมาณกว่า 20 ประเทศร่วมถึงประเทศไทยที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2550 นี้ ล่มจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ล้มเหลวตามไปด้วย โดยเฉพาะประเทศที่ยากจนจะต้องประสบความยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาทุกประเทศสมาชิกที่จะต้องยืดหยุ่นกับรัฐมนตรีและผู้แทนการทูตต่าง ๆ ที่จะมาเจรจากันต่อไป เพื่อให้การเจรจาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และสามารถตกลงกันได้ในที่สุด
ทั้งนี้ นายลามี ยังได้กล่าวย้ำว่าข้อเสนอของทุกประเทศควรจะมีความตั้งใจและจริงใจในการเจรจาเพื่อให้เกิดการค้าเสรีที่เป็นธรรมมากกว่านี้ เช่น การลดการอุดหนุนภายในให้มากกว่ารอบอุรุกวัย 2-3 เท่า การลดภาษีสูงเพื่อให้เกิดการค้าที่เป็นธรรมและเกิดรูปธรรมมากขึ้น การลดการอุดหนุนการส่งออกสินค้าเกษตรโดยเร็ว และการที่ประเทศพัฒนาแล้วยินยอมลดภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ให้กับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุดโดยไม่มีโควตา และผู้แทนการทูตจากประเทศอื่น ๆ ได้เน้นถึงความจำเป็นให้การเจรจามีความคืบหน้าภายในปลายเดือนมีนาคมปีหน้าให้ได้ เนื่องจากสหรัฐจะต้องใช้ประกอบการพิจารณาความจำเป็นในการต่ออายุกฎหมายการให้อำนาจในการทำความตกลงเพื่อส่งเสริมการค้า ซึ่งจะหมดอายุในเที่ยงคืนของวันที่ 30 มิถุนายนปีหน้า เพื่อสามารถให้สัตยาบันในสิ่งที่ได้เสนอในรอบโดฮาได้
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมดับเบิลยูทีโอของรัฐมนตรีจากประเทศสำคัญประมาณกว่า 20 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น แคนาดา บราซิล อินเดีย และออสเตรเลีย และอื่น ๆ ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ สิ่งที่นายลามี ได้ตั้งเป้าหมายและคาดหวังในการประชุมสมาชิกในครั้งนี้ โดยจะเป็นการเน้นให้เกิดความก้าวของกระบวนการและขั้นตอนการเจรจามากกว่าที่จะเน้นเนื้อหาสาระ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย แต่ขณะนี้ยกรัฐมนตรีของไทยยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสามารถเดินทางไปเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่