ปลัดคมนาคมเตรียมเสนอแผนงานช่วยเหลือและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมถนน 799 เส้นทาง และรางรถไฟ 6 แผนงาน โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เผยใช้วิธีการประมูลแบบปกติป้องกันคำครหาในเรื่องความไม่โปร่งใส
นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดแผนงานในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในส่วนโครงสร้างพื้นฐานของทุกหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมีมูลค่าความเสียหายรวม 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 2550 จำนวน 4,000 ล้านบาท และเป็นของสำนักงบประมาณจำนวน 4,000 ล้านบาท โดยแต่ละหน่วยงานจะต้องทำเรื่องของบประมาณไปที่คณะอนุกรรมการแผนงานโครงการและงบประมาณ สำนักงบประมาณภายในวันนี้
สำหรับกระทรวงคมนาคมได้ประเมินมูลค่าความเสียหายในส่วนที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 3,900 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณปี 2550 จำนวน 3,400 ล้านบาท และต้องของบกลางจำนวน 500 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณที่อยู่ในมูลค่าความเสียหาย 8,000 ล้านบาท เพื่อนำมาปรับปรุงและซ่อมแซมถนนกรมทางหลวงจำนวน 570 เส้นทาง ถนนทางหลวงชนบท จำนวน 229 เส้นทาง และเส้นทางการรถไฟที่ได้รับความเสียหายจำนวน 6 แผนงาน ซึ่งส่วนนี้ รฟท. ได้ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยและเปิดใช้เส้นทางเดินรถแล้ว
นายชัยสวัสดิ์ กล่าวว่า จากนี้จะเสนอเรื่องที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการแผนงานโครงการและงบประมาณ สำนักงบประมาณภายในวันนี้ และจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
ส่วนขั้นตอนการซ่อมแซมนั้น แต่ละหน่วยงานจะหาผู้รับเหมาและเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยได้สั่งให้ใช้วิธีการประมูลแบบปกติไม่ใช่วิธีพิเศษ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดปัญหาความไม่โปร่งใส โดยแผนงานจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนตามที่คณะรัฐมนตรีให้นโยบายไว้ แต่ยอมรับว่าจะมีงานบางส่วนที่ไม่สามารถทำได้เสร็จทันตามที่ ครม.กำหนดไว้ แต่ก็จะทำเท่าที่ได้
นอกจากนี้ ในส่วนการก่อสร้างจะเปิดให้ผู้รับเหมาเข้ามาก่อสร้าง แต่หากไม่พออาจจำเป็นที่จะต้องจ้างทหารช่างพัฒนามาทำงานเพิ่มด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้ให้นโยบายแต่ละหน่วยงานถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้ว่า ให้นำงบประมาณปี 2550 ที่ต้องใช้ก่อสร้างแผนงานปกติปรับมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมก่อน และเมื่อได้รับอนุมัติงบช่วยเหลือน้ำท่วมแล้วค่อยนำมาคืนเพื่อสร้างงานแทน
นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดแผนงานในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในส่วนโครงสร้างพื้นฐานของทุกหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมีมูลค่าความเสียหายรวม 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 2550 จำนวน 4,000 ล้านบาท และเป็นของสำนักงบประมาณจำนวน 4,000 ล้านบาท โดยแต่ละหน่วยงานจะต้องทำเรื่องของบประมาณไปที่คณะอนุกรรมการแผนงานโครงการและงบประมาณ สำนักงบประมาณภายในวันนี้
สำหรับกระทรวงคมนาคมได้ประเมินมูลค่าความเสียหายในส่วนที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 3,900 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณปี 2550 จำนวน 3,400 ล้านบาท และต้องของบกลางจำนวน 500 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณที่อยู่ในมูลค่าความเสียหาย 8,000 ล้านบาท เพื่อนำมาปรับปรุงและซ่อมแซมถนนกรมทางหลวงจำนวน 570 เส้นทาง ถนนทางหลวงชนบท จำนวน 229 เส้นทาง และเส้นทางการรถไฟที่ได้รับความเสียหายจำนวน 6 แผนงาน ซึ่งส่วนนี้ รฟท. ได้ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยและเปิดใช้เส้นทางเดินรถแล้ว
นายชัยสวัสดิ์ กล่าวว่า จากนี้จะเสนอเรื่องที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการแผนงานโครงการและงบประมาณ สำนักงบประมาณภายในวันนี้ และจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
ส่วนขั้นตอนการซ่อมแซมนั้น แต่ละหน่วยงานจะหาผู้รับเหมาและเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยได้สั่งให้ใช้วิธีการประมูลแบบปกติไม่ใช่วิธีพิเศษ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดปัญหาความไม่โปร่งใส โดยแผนงานจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนตามที่คณะรัฐมนตรีให้นโยบายไว้ แต่ยอมรับว่าจะมีงานบางส่วนที่ไม่สามารถทำได้เสร็จทันตามที่ ครม.กำหนดไว้ แต่ก็จะทำเท่าที่ได้
นอกจากนี้ ในส่วนการก่อสร้างจะเปิดให้ผู้รับเหมาเข้ามาก่อสร้าง แต่หากไม่พออาจจำเป็นที่จะต้องจ้างทหารช่างพัฒนามาทำงานเพิ่มด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้ให้นโยบายแต่ละหน่วยงานถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้ว่า ให้นำงบประมาณปี 2550 ที่ต้องใช้ก่อสร้างแผนงานปกติปรับมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมก่อน และเมื่อได้รับอนุมัติงบช่วยเหลือน้ำท่วมแล้วค่อยนำมาคืนเพื่อสร้างงานแทน