ขนมขบเคี้ยวเหยื่อชิ้นใหม่ต่อจากสินค้าแอลกอฮอล์ หลังภาครัฐพบว่าเด็กไทยทานขนมแล้วเป็นโรคอ้วนมาก ส่งผลกระทบต่องบประมาณที่ใช้พัฒนาประเทศ เผยอาจคุมเข้มทั้งข้อมูลสินค้าที่ใช้โฆษณา และการใช้ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ เหตุเพราะจูงใจเด็กทานมากขึ้น ด้าน“สยามร่วมมิตร” เห็นด้วยกับแนวคิดภาครัฐแต่ต้องทำทุกกลุ่มเพื่อความยุติธรรม ส่วน“เบอร์ลี่ ยุคเกอร์”ตั้งตัวไม่ทันเผยเรื่องดังกล่าวยังไม่ชัดและภาครัฐยังไม่ได้เรียกผู้ประกอบการร่วมเจรจา พร้อมระบุขณะนี้ได้ร่วมมือกับอย.ให้ข้อมูลโภชนาการที่ถูกต้องผ่านฉลากสินค้า
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซ\จีวัน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาครัฐนำโดยคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.ได้ออกมาตรการควบคุมการโฆษณาสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549 นี้เป็นต้นไป แม้ว่าขณะนี้ยังเกิดความคลุมเครืออยู่ก็ตาม แต่ว่าสินค้ากลุ่มต่อไปที่ทางภาครัฐเตรียมควบคุมและเข้มงวดมากขึ้น คือ กลุ่มขนมขบเคี้ยวหรือสแน็คต่างๆ เช่น ขนมที่มีปริมาณน้ำตาลสูงหรือขนมที่ทานปริมาณมากแล้วอ้วน ฯลฯ เนื่องจากเล็งเห็นว่าในแต่ละปีเด็กไทยมีผู้ที่เป็นโรคอ้วนจำนวนมาก ส่งผลต่องบประมาณที่ประเทศชาติต้องสูญเสียไปกับการดูแลรักษา เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทางภาครัฐจะควบคุมสินค้ากลุ่มขนมมากน้อยระดับไหน แต่เท่าที่ทราบอาจจะมีการควบคุมทางด้านเนื้อหาการโฆษณา, รายละเอียดสินค้าที่จะโฆษณา โดยในซองขนมอาจมีรูปแปรงสีฟันเตือนหลังทาน หรือตัวพรีเซ็นเตอร์โฆษณาที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อขนมของเด็กและวัยรุ่น เป็นต้น
“ตรงนี้มองว่าหากมีกฎออกมาจริงก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดสแน็ค, การทำโฆษณาสินค้ากลุ่มนี้ และตัวบริษัทผู้ผลิตขนมบางแบรนด์ เช่น เลย์นิยมใช้กลยุทธ์ทางการทำตลาดด้วยการดึงดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ แหม่ม คัทลียา และพอลล่า เทลเลอร์”
นายวิทวัส กล่าวด้วยว่า ทาง สสส.และกระทรวงสาธารณสุขไม่ควรมองเพียงด้านเดียว โดยควรจะมีการเรียกผู้ประกอบการเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน จากนั้นถึงออกกฎหมายควบคุมที่สามารถปฏิบัติตามได้
ในส่วนของบริษัทครีเอทีฟ จูซ\จีวัน จำกัดได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวไม่มาก เพราะปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าสแน็คอยู่ 1 ราย คือ สยามร่วมมิตร ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวหลายแบรนด์ อาทิ ข้าวเกรียบกุ้งฮานามิ, สแน็คแจ๊คและคอร์นพัฟฟ์ ฯลฯ
สยามร่วมมิตรเห็นด้วยแต่ต้องทำทุกกลุ่ม
นายสุรเดช นภาพฤกษ์ชาติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท สยามร่วมมิตร จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่ภาครัฐเตรียมเข้มงวดกับสินค้าขนมขบเคี้ยวหรือสแน็คมากขึ้นว่า ตนก็เห็นด้วยกับวิธีคิดของทางภาครัฐ แต่หากจะทำจริงๆก็ต้องทำกับสินค้าทุกกลุ่ม เพื่อที่จะไม่เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ โดยช่วงที่ผ่านมาทางภาครัฐยังไม่มีการเรียกผู้ประกอบการเข้าไปเจรจาแต่อย่างใด
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ตั้งตัวไม่ทัน
แหล่งข่าวจากบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันฝรั่งทอดกรอบเทสโต,โดโซะ ฯลฯ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน เพราะทางภาครัฐยังไม่ได้เชิญในส่วนของผู้ประกอบการไปชี้แจงข้อมูลแต่อย่างใด มีแต่รับทราบข้อมูลต่างๆผ่านสื่อเท่านั้นจึงยังไม่รู้แน่ชัดว่าภาครัฐจะควบคุมเรื่องใดบ้าง ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการเล็งเห็นว่าเรื่องต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้ตั้งตัวไม่ทัน และไม่ทราบว่าจะทำในเรื่องใดก่อนหลัง
อย่างไรก็ตามสำหรับความร่วมมือล่าสุดระหว่างผู้ประกอบการสแน็คกับทางอย.ในขณะนี้มีการทำงานร่วมกันในเรื่องของฉลากสินค้าที่ทางอย.ต้องการให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องติดข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์แก่ผู้บริโภค