ไทยแอร์เอเชียดิ้นสู้ศึกโลว์คอสต์ วางเป้า 5 ปี เพิ่มฝูงบินให้ครบ 30 ลำ พร้อมเพิ่มเส้นทางบินใหม่ๆ ด้านแผนการตลาดปีหน้าเพิ่มงบเป็น 100 ล้านบาท ชูแคมเปญ อะเมซิ่ง ไทยแอร์เอเชีย ผนึกพันธมิตรลุยตลาด คาดปีหน้ามี 114 เที่ยวบินต่อวัน จำนวนผู้โดยสาร ทะยานสู่ 6 ล้านคน รายได้สู่ 3,500 ล้านบาท
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทย แอร์ เอเชีย ผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) ไทย แอร์ เอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนรุกตลาดอย่างหนักจากนี้ไป เนื่องจากมองว่าธุรกิจการบินในตลาดรวมเมืองไทยคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี โดยในส่วนของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ก็ยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีในอนาคตเช่นกัน และผู้ประกอบการทุกรายพยายามที่จะพัฒนาการบริการใหม่ๆรวมทั้งกลยุทธ์การดำเนินการต่างๆเข้ามาแข่งขันกันแย่งชิงผู้โดยสารมากขึ้น
โดยเป้าหมายการดำเนินงานระยะยาว 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2550 – 2554 นั้น บริษัทฯวางเป้าหมายที่จะ ขยายเส้นทางบินใหม่ๆให้เพิ่มมากขึ้นและครอบคลุมในหัวเมืองใหญ่ๆในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในเบื้องต้นนี้น่าจะเป็นตลาด ในประเทศจีน ตามมณฑลต่างๆที่มีขนาดใหญ่ เมืองฮานอยในประเทศเวียดนาม ขณะที่ตลาดในประเทศก็มีแผนที่จะขยายเส้นทางบินเพิ่มเติมเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าเส้นทางบินใดที่น่าจะเปิดเพิ่ม อีกทั้งจะมีการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางบินเดิมที่มีผู้โดยสารหนาแน่นด้วย
ทั้งนี้ปีหน้าตั้งเป้าหมายที่จะมีเส้นทางบินบริการทั้งไปและกลับรวมทั้งเส้นทางบินในประเทศและต่างประเทศประมาณ 114 เที่ยวบินต่อวัน จากปีนี้ที่มีเส้นทางบินประมาณ 76 เที่ยวบินเท่านั้น
ส่วนทางด้านจำนวนเครื่องบินนั้น ปีหน้าก็มีแผนที่จะนำเข้าเครื่องบินเข้ามาเพิ่มอีกให้ครบ 15 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการจำนวน 11 ลำ ส่วนเป้าหมายระยะยาว 5 ปีจากนี้ ตั้งเป้าที่จะมีเครื่องบินจำนวน 30 ลำ โดยปีหน้าจะนำเข้าเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A 320 จำนวน 180 ที่นั่ง เพิ่มอีกหลายลำ
นอกจากแผนการลงทุนสร้างศักยภาพแล้ว ในส่วนของการตลาดก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์และสร้างฐานลูกค้า หลังจากที่ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 3 ปี ซึ่งบริษัทฯจะยังคงเน้นการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินราคาถูกเพื่อรองรับตลาดที่มีในวงกว้างให้ประชาชนทุกระดับสามารถใช้บริการได้
โดยปีหน้าตั้งเป้าใช้งบตลาดกว่า 100 ล้านบาท เพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย รวมทั้งจะเปิดตัวแคมเปญใหม่ที่ชื่อว่า “อะเมซิ่ง ไทย แอร์เอเชีย” ที่จะชูความอะเมซิ่งตลอดทั้งปีในทุกรูปแบบเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดเช่น อะเมซิงเดสติเนชั่น, อะเมซิ่งโปรโมชั่น, อะเมซิ่งแฟร์ เป็นต้น
การทำกิจกรรมตลาดครั้งล่าสุดคือ การร่วมมือกับบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า และบริษัท แอลจี อิเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและมือถือยี่ห้อแอลจี เพื่อจัดแคมเปญใหญ่ครบรอบ 3 ปี ของไทยแอร์เอเชีย โดยผู้โดยสารที่ใช้บริการที่สำรองที่นั่งตั้งแต่วันที่ 6-20 ธันวาคม 2549 และต้องเดินทางระหว่างวันที่ 8 มกราคม – 31 มีนาคมปีหน้า สามารถส่งตั๋วมาชิงโชครวมรางวัลกว่า 300 รางวัล มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท รางวัลใหญ่สุดคือ รถยนต์มาสด้า 3
นายทัศพล กล่าวต่อว่า ส่วนการบริการนั้นก็มีแผนที่จะพัฒนาการบริการใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความล่าช้าของสายการบินนั้น บริษัทฯมีแผนที่จะเตรียมเครื่องบินไว้รองรับกรณีฉุกเฉิน เพื่อแก้ปัญหา
ทั้งนี้จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตที่ 50% ต่อปี โดยตั้งป้าปีหน้ามีผู้โดยสารใช้บริการจำนวน 6 ล้านคน จากเดิมที่ปีนี้มีประมาณ 3 ล้านคน และปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2,300 ล้าบาท
สำหรับกรณีที่สายการบินโลว์คอสต์ต้องการที่จะย้ายฐานกลับไปใช้บริการที่สนามบินดอนเมืองเหมือนเดิมนั้น แทนที่ต้องมาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีปัญหารอบด้าน แต่บริษัท การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ ทอท. ได้เลื่อนแผนออกไปเป็นหน้านั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการซื้อเวลามากกว่า แต่ก็ต้องรอการตัดสินใจดังกล่าว
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทย แอร์ เอเชีย ผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) ไทย แอร์ เอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนรุกตลาดอย่างหนักจากนี้ไป เนื่องจากมองว่าธุรกิจการบินในตลาดรวมเมืองไทยคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี โดยในส่วนของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ก็ยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีในอนาคตเช่นกัน และผู้ประกอบการทุกรายพยายามที่จะพัฒนาการบริการใหม่ๆรวมทั้งกลยุทธ์การดำเนินการต่างๆเข้ามาแข่งขันกันแย่งชิงผู้โดยสารมากขึ้น
โดยเป้าหมายการดำเนินงานระยะยาว 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2550 – 2554 นั้น บริษัทฯวางเป้าหมายที่จะ ขยายเส้นทางบินใหม่ๆให้เพิ่มมากขึ้นและครอบคลุมในหัวเมืองใหญ่ๆในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในเบื้องต้นนี้น่าจะเป็นตลาด ในประเทศจีน ตามมณฑลต่างๆที่มีขนาดใหญ่ เมืองฮานอยในประเทศเวียดนาม ขณะที่ตลาดในประเทศก็มีแผนที่จะขยายเส้นทางบินเพิ่มเติมเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าเส้นทางบินใดที่น่าจะเปิดเพิ่ม อีกทั้งจะมีการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางบินเดิมที่มีผู้โดยสารหนาแน่นด้วย
ทั้งนี้ปีหน้าตั้งเป้าหมายที่จะมีเส้นทางบินบริการทั้งไปและกลับรวมทั้งเส้นทางบินในประเทศและต่างประเทศประมาณ 114 เที่ยวบินต่อวัน จากปีนี้ที่มีเส้นทางบินประมาณ 76 เที่ยวบินเท่านั้น
ส่วนทางด้านจำนวนเครื่องบินนั้น ปีหน้าก็มีแผนที่จะนำเข้าเครื่องบินเข้ามาเพิ่มอีกให้ครบ 15 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการจำนวน 11 ลำ ส่วนเป้าหมายระยะยาว 5 ปีจากนี้ ตั้งเป้าที่จะมีเครื่องบินจำนวน 30 ลำ โดยปีหน้าจะนำเข้าเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A 320 จำนวน 180 ที่นั่ง เพิ่มอีกหลายลำ
นอกจากแผนการลงทุนสร้างศักยภาพแล้ว ในส่วนของการตลาดก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์และสร้างฐานลูกค้า หลังจากที่ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 3 ปี ซึ่งบริษัทฯจะยังคงเน้นการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินราคาถูกเพื่อรองรับตลาดที่มีในวงกว้างให้ประชาชนทุกระดับสามารถใช้บริการได้
โดยปีหน้าตั้งเป้าใช้งบตลาดกว่า 100 ล้านบาท เพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย รวมทั้งจะเปิดตัวแคมเปญใหม่ที่ชื่อว่า “อะเมซิ่ง ไทย แอร์เอเชีย” ที่จะชูความอะเมซิ่งตลอดทั้งปีในทุกรูปแบบเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดเช่น อะเมซิงเดสติเนชั่น, อะเมซิ่งโปรโมชั่น, อะเมซิ่งแฟร์ เป็นต้น
การทำกิจกรรมตลาดครั้งล่าสุดคือ การร่วมมือกับบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า และบริษัท แอลจี อิเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและมือถือยี่ห้อแอลจี เพื่อจัดแคมเปญใหญ่ครบรอบ 3 ปี ของไทยแอร์เอเชีย โดยผู้โดยสารที่ใช้บริการที่สำรองที่นั่งตั้งแต่วันที่ 6-20 ธันวาคม 2549 และต้องเดินทางระหว่างวันที่ 8 มกราคม – 31 มีนาคมปีหน้า สามารถส่งตั๋วมาชิงโชครวมรางวัลกว่า 300 รางวัล มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท รางวัลใหญ่สุดคือ รถยนต์มาสด้า 3
นายทัศพล กล่าวต่อว่า ส่วนการบริการนั้นก็มีแผนที่จะพัฒนาการบริการใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความล่าช้าของสายการบินนั้น บริษัทฯมีแผนที่จะเตรียมเครื่องบินไว้รองรับกรณีฉุกเฉิน เพื่อแก้ปัญหา
ทั้งนี้จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตที่ 50% ต่อปี โดยตั้งป้าปีหน้ามีผู้โดยสารใช้บริการจำนวน 6 ล้านคน จากเดิมที่ปีนี้มีประมาณ 3 ล้านคน และปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2,300 ล้าบาท
สำหรับกรณีที่สายการบินโลว์คอสต์ต้องการที่จะย้ายฐานกลับไปใช้บริการที่สนามบินดอนเมืองเหมือนเดิมนั้น แทนที่ต้องมาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีปัญหารอบด้าน แต่บริษัท การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ ทอท. ได้เลื่อนแผนออกไปเป็นหน้านั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการซื้อเวลามากกว่า แต่ก็ต้องรอการตัดสินใจดังกล่าว