“จักรมณฑ์” ยังไม่ทิ้งแนวคิดกำหนดเพดานราคาน้ำตาลตามผลการศึกษาเดิม เตรียมหารือรายละเอียดในกอน.เร็วๆ นี้หวังกรุยทางเปิดเสรีในระยะยาว ด้านสอน.รับลูกหลัง”ปิยะบุตร”ไฟเขียวให้ทำการศึกษาพร้อมกับหาวิธีการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมูลค่า ทุกฝ่ายลุ้นหวังปลดแอกออกจากการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) เปิดเผยว่า นโยบายการเปิดเสรีอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่ได้เคยศึกษาไว้ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมานั้น คงจะต้องนำกลับมาดูขั้นตอนการดำเนินงานอีกครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของการดูแลราคาน้ำตาลทรายในประเทศตามผลการศึกษาที่จะมีการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลเพื่อป้องกันการขาดแคลนและการลักลอบส่งออก
“เรื่องนี้คงจะต้องนำไปหารืออีกครั้งในกอน.เห็นว่ายังเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จะเปิดเสรีเต็มรูปแบบในส่วนของราคาน้ำตาลคงต้องมาดูเพราะหากราคาน้ำตาลทรายต่างประเทศลดต่ำลงมากๆ โอกาสที่ราคาในประเทศจะสูงกว่าก็มีได้เช่นกันจึงต้องมีมาตรการรองรับไว้”นายจักรมณฑ์กล่าว
นางรัตนาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) กล่าวว่า ขณะนี้นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบนโยบายให้กอน.ไปพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลทรายตามแนวทางการเปิดเสรีที่มีการศึกษาไว้ก่อนหน้า ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องมองถึงผลกระทบต่อผู้บริโภค โรงงานน้ำตาล และชาวไร่อ้อยด้วยว่าจะมีผลอย่างไร พร้อมกันนี้ให้ไปพิจารณาถึงการวิจัยและพัฒนาอ้อยที่จะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าได้อย่างไรประกอบด้วย
“ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาคาดว่าคงจะสรุปให้รมช.ได้ภายใน 1 สัปดาห์นี้แต่ในส่วนของการดูรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลคงจะต้องหารือกับทุกฝ่าย”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกอน.กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมมีแนวคิดที่จะพยายามผลักดันให้มีการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลโดยจะมอบให้ทางสอน.ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางที่จะกำกับดูแลเนื่องจากราคาน้ำตาลทรายไม่ได้มีการปรับขึ้นลงทุกวันเหมือนกับราคาน้ำมัน โดยนโยบายดังกล่าวทั้งชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลต่างเห็นพ้องต้องกันเพราะอดีตที่ผ่านมาการกำหนดราคาน้ำตาลทรายให้อำนาจกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่สามารถพิจารณาให้สอดคล้องกับตลาดโลกจนทำให้ราคาน้ำตาลขาดแคลน
“การมีเพดานจะมีส่วนดูแลทุกฝ่ายรวมถึงผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม และสอดคล้องกับความเป็นจริงไม่ใช่เมื่อถึงเวลาควรต้องลดราคาก็ต้องลดเพื่อป้องกันน้ำตาลจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศ และเมื่อถึงเวลาที่ควรจะขึ้นก็ควรจะต้องปรับเพื่อป้องกันในประเทศขาดแคลนเพราะหนีไปส่งออก แต่การปรับจะต้องมีเพดานต่ำสุดและสูงสุด” แหล่งข่าวกล่าว
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) เปิดเผยว่า นโยบายการเปิดเสรีอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่ได้เคยศึกษาไว้ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมานั้น คงจะต้องนำกลับมาดูขั้นตอนการดำเนินงานอีกครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของการดูแลราคาน้ำตาลทรายในประเทศตามผลการศึกษาที่จะมีการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลเพื่อป้องกันการขาดแคลนและการลักลอบส่งออก
“เรื่องนี้คงจะต้องนำไปหารืออีกครั้งในกอน.เห็นว่ายังเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จะเปิดเสรีเต็มรูปแบบในส่วนของราคาน้ำตาลคงต้องมาดูเพราะหากราคาน้ำตาลทรายต่างประเทศลดต่ำลงมากๆ โอกาสที่ราคาในประเทศจะสูงกว่าก็มีได้เช่นกันจึงต้องมีมาตรการรองรับไว้”นายจักรมณฑ์กล่าว
นางรัตนาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) กล่าวว่า ขณะนี้นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบนโยบายให้กอน.ไปพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลทรายตามแนวทางการเปิดเสรีที่มีการศึกษาไว้ก่อนหน้า ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องมองถึงผลกระทบต่อผู้บริโภค โรงงานน้ำตาล และชาวไร่อ้อยด้วยว่าจะมีผลอย่างไร พร้อมกันนี้ให้ไปพิจารณาถึงการวิจัยและพัฒนาอ้อยที่จะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าได้อย่างไรประกอบด้วย
“ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาคาดว่าคงจะสรุปให้รมช.ได้ภายใน 1 สัปดาห์นี้แต่ในส่วนของการดูรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลคงจะต้องหารือกับทุกฝ่าย”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกอน.กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมมีแนวคิดที่จะพยายามผลักดันให้มีการกำหนดเพดานราคาน้ำตาลโดยจะมอบให้ทางสอน.ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางที่จะกำกับดูแลเนื่องจากราคาน้ำตาลทรายไม่ได้มีการปรับขึ้นลงทุกวันเหมือนกับราคาน้ำมัน โดยนโยบายดังกล่าวทั้งชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลต่างเห็นพ้องต้องกันเพราะอดีตที่ผ่านมาการกำหนดราคาน้ำตาลทรายให้อำนาจกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่สามารถพิจารณาให้สอดคล้องกับตลาดโลกจนทำให้ราคาน้ำตาลขาดแคลน
“การมีเพดานจะมีส่วนดูแลทุกฝ่ายรวมถึงผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม และสอดคล้องกับความเป็นจริงไม่ใช่เมื่อถึงเวลาควรต้องลดราคาก็ต้องลดเพื่อป้องกันน้ำตาลจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศ และเมื่อถึงเวลาที่ควรจะขึ้นก็ควรจะต้องปรับเพื่อป้องกันในประเทศขาดแคลนเพราะหนีไปส่งออก แต่การปรับจะต้องมีเพดานต่ำสุดและสูงสุด” แหล่งข่าวกล่าว