เอแอนด์ดับบลิวใส่เกียร์เร่งปีหน้า เตรียมเปิดสาขาไม่ต่ำกว่า 4 แห่ง รุกหนักเข้าช่องทางปั๊มน้ำมัน เกาะติดพันธมิตรปั๊มน้ำมันหลายค่าย ซุ่มวางระบบแบ็คออฟฟิศให้แกร่ง คาดปีนี้เติบโต 10% ต่อเนื่อง
แหล่งข่าวจาก บริษัท เอ แอนด์ ดับบลิว เรสเตอรองต์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเอแอนด์ดับบลิวในประเทศไทย บริษัทในกลุ่มเคยูบี/ KUB ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ตลาดของฟาสต์ฟู้ดในปัจจุบันยังมีการแข่งขันที่รุนแรงเหมือนเช่นเคย ทั้งจากผู้ประกอบการในตลาดฟาสต์ฟู้ดด้วยกันเองกับร้านอาหารทั่วไปที่เกิดขึ้นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของเอแอนด์ดับบลิวก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องประมาณ 10%
"แม้เราจะไม่ได้เป็นรายใหญ่ก็ตาม แต่เราก็ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีการทำตลาดรวมทั้งการพัฒนาเมนูใหม่ๆตลอดเวลา เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาในร้านของเรา อีกทั้งช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัท ยัมส์ เรสเตอรองต์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของเอแอนด์ดับบลิว แต่ในเมืองไทยก็ยังคงเป็นหน้าที่ของเราทำเหมือนเดิม ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเราในด้านของการฝึกอบรมบุคลากรด้วย ยิ่งทำให้เรามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย แต่ด้านการตลาดก็ต่างคนต่างทำ" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวให้ความเห็นถึงกรณีที่กิจการแมคโดนัลด์ในไทยได้เปลี่ยนมือผู้บริหารและเจ้าของมาเป็นของกลุ่มนายวิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของและผู้บริหารเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ๊ปด้วยว่า ปรากฎการณ์นี้อาจจะทำให้ตลาดฟาสต์ฟู้ดมีความคึกคักขึ้นมาบ้าง หลังจากที่แมคโดนัลด์ค่อนข้างเงียบไปมาก และจะส่งผลให้ฟาสต์ฟู้ดรายอื่นต้องปรับตัวรับมือการรุกตลาดของแมคโดนัลด์ด้วย ซึ่งในส่วนของเอแอนด์ดับบลิวก็เช่นกัน
สำหรับแผนการลงทุนในปีหน้านั้น ทางบริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะเปิดโดยเฉลี่ย 4-5 สาขา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 100 ตารางเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และทำเล ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดในปั๊มน้ำมันเป็นหลัก และสาขาในปั๊มน้ำมันที่เป็นสาขาต้นแบบอยู่ที่ ปั๊มน้ำมันปตท.สาขาถนนวิภาวดีรังสิต เปิดมาประมาณ 2 ปีแล้วได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
โดยในปีนี้ได้เปิดสาขาใหม่ไปประมาณ 2 สาขาเท่านั้นเองตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันทั้งสิ้นคือ ปิโตรนาสสาขากาญจนาภิเษกและสุขาภิบาล 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดในปั๊มปิโตรนาสไปแล้ว 1 สาขา ซึ่งปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ที่บริษัทฯเปิดสาขาจะมีหลากหลายเช่น ปิโตรนาส ปตท. เชลล์ เจ๊ท เป็นต้น เนื่องจากการขยายตัวค่อนข้างดีและง่ายต่อการลงทุนด้วย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาเอแอนด์ดับบลิวเปิดบริการแล้วจำนวน 28 สาขา ซึ่งมีสาขาที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าแค่ 3 แห่งเท่านั้นคือ ที่ ห้างพันธ์ทิพย์พลาซ่า สีลมคอมเพล็กซ์ และ สยามสแควร์ ส่วนล่าสุดที่เพิ่งปิดไปคือ สาขาที่แฟชั่นไอส์แลนด์รามอินทรา
ด้านงบการตลาดนั้น บริษัทฯตั้งไว้ประมาณ 5% จากยอดขาย ซึ่งถือว่าอาจจะไม่มากนัก เนื่องจากว่า จำนวนสาขาของเอแอนด์ดับบลิวไม่ได้มีมาก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องทุ่มงบตลาดมากเกินไป อีกทั้งในขณะนี้บริษัทฯมุ่งเน้นทางด้านเรื่องของแบ็คออฟฟิศมากกว่า โดยต้องการวางระบบให้มีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็มีแผนที่จะต้องผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
"จริงๆแล้วจุดเด่นของเรามีหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของเมนูอาหาร ที่ยอดฮิตคือ วาฟเฟิล เครื่องดื่มรูทเบียร์ และไก่ทอด ที่แตกต่างจากรายอื่น โดยมีทั้งสิ้น 20-30 เมนูไว้บริการลูกค้า นอกจากนั้นก็จะมีการออกเมนูพิเศษมา หากได้รับการยอมรับก็จะทำเป็นเมนูถาวรเช่น ปีนี้ออกชีสสติ๊กมา และก็ได้ทำเป็นเมนูถาวรแล้ว" แหล่งข่าวกล่าวในตอนท้าย
แหล่งข่าวจาก บริษัท เอ แอนด์ ดับบลิว เรสเตอรองต์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเอแอนด์ดับบลิวในประเทศไทย บริษัทในกลุ่มเคยูบี/ KUB ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ตลาดของฟาสต์ฟู้ดในปัจจุบันยังมีการแข่งขันที่รุนแรงเหมือนเช่นเคย ทั้งจากผู้ประกอบการในตลาดฟาสต์ฟู้ดด้วยกันเองกับร้านอาหารทั่วไปที่เกิดขึ้นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของเอแอนด์ดับบลิวก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องประมาณ 10%
"แม้เราจะไม่ได้เป็นรายใหญ่ก็ตาม แต่เราก็ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีการทำตลาดรวมทั้งการพัฒนาเมนูใหม่ๆตลอดเวลา เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาในร้านของเรา อีกทั้งช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัท ยัมส์ เรสเตอรองต์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของเอแอนด์ดับบลิว แต่ในเมืองไทยก็ยังคงเป็นหน้าที่ของเราทำเหมือนเดิม ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเราในด้านของการฝึกอบรมบุคลากรด้วย ยิ่งทำให้เรามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย แต่ด้านการตลาดก็ต่างคนต่างทำ" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวให้ความเห็นถึงกรณีที่กิจการแมคโดนัลด์ในไทยได้เปลี่ยนมือผู้บริหารและเจ้าของมาเป็นของกลุ่มนายวิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของและผู้บริหารเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ๊ปด้วยว่า ปรากฎการณ์นี้อาจจะทำให้ตลาดฟาสต์ฟู้ดมีความคึกคักขึ้นมาบ้าง หลังจากที่แมคโดนัลด์ค่อนข้างเงียบไปมาก และจะส่งผลให้ฟาสต์ฟู้ดรายอื่นต้องปรับตัวรับมือการรุกตลาดของแมคโดนัลด์ด้วย ซึ่งในส่วนของเอแอนด์ดับบลิวก็เช่นกัน
สำหรับแผนการลงทุนในปีหน้านั้น ทางบริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะเปิดโดยเฉลี่ย 4-5 สาขา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 100 ตารางเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และทำเล ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดในปั๊มน้ำมันเป็นหลัก และสาขาในปั๊มน้ำมันที่เป็นสาขาต้นแบบอยู่ที่ ปั๊มน้ำมันปตท.สาขาถนนวิภาวดีรังสิต เปิดมาประมาณ 2 ปีแล้วได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
โดยในปีนี้ได้เปิดสาขาใหม่ไปประมาณ 2 สาขาเท่านั้นเองตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันทั้งสิ้นคือ ปิโตรนาสสาขากาญจนาภิเษกและสุขาภิบาล 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดในปั๊มปิโตรนาสไปแล้ว 1 สาขา ซึ่งปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ที่บริษัทฯเปิดสาขาจะมีหลากหลายเช่น ปิโตรนาส ปตท. เชลล์ เจ๊ท เป็นต้น เนื่องจากการขยายตัวค่อนข้างดีและง่ายต่อการลงทุนด้วย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาเอแอนด์ดับบลิวเปิดบริการแล้วจำนวน 28 สาขา ซึ่งมีสาขาที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าแค่ 3 แห่งเท่านั้นคือ ที่ ห้างพันธ์ทิพย์พลาซ่า สีลมคอมเพล็กซ์ และ สยามสแควร์ ส่วนล่าสุดที่เพิ่งปิดไปคือ สาขาที่แฟชั่นไอส์แลนด์รามอินทรา
ด้านงบการตลาดนั้น บริษัทฯตั้งไว้ประมาณ 5% จากยอดขาย ซึ่งถือว่าอาจจะไม่มากนัก เนื่องจากว่า จำนวนสาขาของเอแอนด์ดับบลิวไม่ได้มีมาก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องทุ่มงบตลาดมากเกินไป อีกทั้งในขณะนี้บริษัทฯมุ่งเน้นทางด้านเรื่องของแบ็คออฟฟิศมากกว่า โดยต้องการวางระบบให้มีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็มีแผนที่จะต้องผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
"จริงๆแล้วจุดเด่นของเรามีหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของเมนูอาหาร ที่ยอดฮิตคือ วาฟเฟิล เครื่องดื่มรูทเบียร์ และไก่ทอด ที่แตกต่างจากรายอื่น โดยมีทั้งสิ้น 20-30 เมนูไว้บริการลูกค้า นอกจากนั้นก็จะมีการออกเมนูพิเศษมา หากได้รับการยอมรับก็จะทำเป็นเมนูถาวรเช่น ปีนี้ออกชีสสติ๊กมา และก็ได้ทำเป็นเมนูถาวรแล้ว" แหล่งข่าวกล่าวในตอนท้าย