พรีม่าโกลด์บุกตลาดทองคำ 96.5% เหตุเป็นตลาดที่ใหญ่ อนาคตดี และมีช่องว่าง เปิดตัวแบรนด์ใหม่ "เซ็นจูรี่โกลด์" โดดจับกลุ่มระดับกลาง ทุ่มทุนแล้ว 70 ล้านบาท ปีแรกนี้ตะลุยเปิด 9 จุดจำหน่าย ส่วนปีหน้าพร้อมทุ่มอีกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่ม หวังดันสัดส่วนรายได้กว่า 15% จากรายได้บริษัทฯในปีหน้า
นางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับทองคำ "พรีม่าโกลด์" เปิดเผยว่า จากการศึกษาในตลาดรวมทองคำพบว่า ในตลาดทองคำรวมนั้น ตลาดใหญ่ที่สุดคือ ทองคำ 96.5% มีสัดส่วนประมาณ 80% ส่วนตลาดทองคำ 99.99%มีสัดส่วนประมาณ 20% จากมูลค่าตลาดรวม ซึ่งถือว่าตลาดทองคำ 96.5% ยังมีช่องว่างอยู่ และมีคนที่ชื่นชอบทองคำกลุ่มนี้อยู่มาก แต่หาซื้อไม่ได้ในร้านขายทองทั่วประเทศที่มีกว่า 7,500 ร้านเพราะส่วนใหญ่จะมีรูปแบบที่เหมือนกัน ขณะที่ตลาดทองคำ 99.99% เป็นตลาดที่พรีเมียมเกินไป ทำให้ตรงนี้มีช่องว่างเกิดขึ้น บริษัทฯจึงตัดสินใจเข้าสู่ตลาดทองคำ 96.5%
อย่างไรก็ตามการที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดนี้เนื่องจากว่า เมื่อช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาทางภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเริ่มเข้ามาเข้มงวดกับคุณภาพของร้านค้าทองคำมากขึ้น จากในอดีตที่ยังไม่มีการเข้มงวด ทำให้เกิดมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ บริษัทฯจึงเข้าสู่ตลาดนี้ โดยเริ่มทดลองทำตลาดด้วยการเปิดแบรนด์ใหม่ต้นปีนี้ชื่อว่า เซ็นจูรี่โกลด์ 96.5% จับกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการทองคำที่มีดีไซน์แปลก สวย ราคาระดับกลาง
หลังจากทดลองทำตลาดมาได้ประมาณเกือบปี ผลปรากฎว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทฯนำเอาดีไซน์มาเป็นตัวกำหนด มากกว่าเอาน้ำหนักเช่น 1 สลึงหรือ 1 บาทมากำหนด แต่ยอมรับว่าราคาทองคำ 96.5% ของเซ็นจูรี่โกลด์จะแพงกว่าในตลาดเดียวกันประมาณ 10%
โดยปัจจุบันมีจุดจำหน่ายอยู่ 9 จุด แบ่งเป็น เคาน์เตอร์ 7 จุด เช่น เซ็นทรัลพระรามสองและพระรามสาม ซีคอนสแควร์ เดอะมอลล์บางแค เป็นต้น และมีชอป 2 แห่งคือ ที่บิ๊กซีสุขสวัสดิ์ และที่เพิ่งเปิดใหม่คือ เซ็นทรัลบางนา ที่จะเป็นสาขาแบบแฟลกชิบสโตร์ของเซ็นจูรี่ไดมอนด์ ซึ่งในปีนี้ได้ใช้งบประมาณลงทุนเปิดจุดจำหน่ายแล้วกว่า 70 ล้านบาท
ในปีหน้ามีแผนที่จะขยายจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั้งรูปแบบคือ เคาน์เตอร์กับชอปเต็มรูปแบบ โดยวางงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 40-50 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาอีกไม่ต่ำกว่า 3-5 แห่ง
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์ปีนี้ประมาณ 60 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบเท่าตัว เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่ ฐานตลาดยังเล็กอยู่จึงมีอัตราการเติบโตที่มาก ขณะที่รายได้รวมของทั้งบริษัทฯจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้รวมเติบโตจากปีที่แล้ว 18-20% แบ่งเป็นสัดส่วนจากแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์ประมาณ 10% ปีหน้าตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากเซ็นจูรี่โกลด์ประมาณ 15%
สำหรับในอนาคต หากแบรนด์นี้ได้รับการตอบรับที่ดีเพิ่มขึ้นตามลำดับ และมีรายได้ที่ค่อนข้างสูงมากขึ้นแล้ว ก็อาจจะมีแนวคิดที่จะแยกออกมาตั้งเป็นอีกบริษัทหนึ่งก็ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนระหว่างแบรนด์พรีม่าโกลด์ ที่ทำมานานกว่า 15 ปีแล้วกับแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์
นางสาวรุ่งนภา กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดทองคำในขณะนี้ด้วยว่า ในช่วง 2-3 เดือนนี้ ราคาทองคำค่อนข้างที่จะผันผวนอย่างมาก ราคามีขึ้นลงตลอดไม่แน่นอนซึ่งทำให้ตลาดทองคำระดับพรีเมียมนั้นขายได้ในปริมาณชิ้นที่ลดลง แต่ในแง่ปริมาณมูลค่านั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเกินบาทละหมื่นบาท แต่คาดว่าช่วงไตรมาสแรกปีหน้าตลาดน่าจะนิ่งและดีกว่านี้
นางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับทองคำ "พรีม่าโกลด์" เปิดเผยว่า จากการศึกษาในตลาดรวมทองคำพบว่า ในตลาดทองคำรวมนั้น ตลาดใหญ่ที่สุดคือ ทองคำ 96.5% มีสัดส่วนประมาณ 80% ส่วนตลาดทองคำ 99.99%มีสัดส่วนประมาณ 20% จากมูลค่าตลาดรวม ซึ่งถือว่าตลาดทองคำ 96.5% ยังมีช่องว่างอยู่ และมีคนที่ชื่นชอบทองคำกลุ่มนี้อยู่มาก แต่หาซื้อไม่ได้ในร้านขายทองทั่วประเทศที่มีกว่า 7,500 ร้านเพราะส่วนใหญ่จะมีรูปแบบที่เหมือนกัน ขณะที่ตลาดทองคำ 99.99% เป็นตลาดที่พรีเมียมเกินไป ทำให้ตรงนี้มีช่องว่างเกิดขึ้น บริษัทฯจึงตัดสินใจเข้าสู่ตลาดทองคำ 96.5%
อย่างไรก็ตามการที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดนี้เนื่องจากว่า เมื่อช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาทางภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเริ่มเข้ามาเข้มงวดกับคุณภาพของร้านค้าทองคำมากขึ้น จากในอดีตที่ยังไม่มีการเข้มงวด ทำให้เกิดมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ บริษัทฯจึงเข้าสู่ตลาดนี้ โดยเริ่มทดลองทำตลาดด้วยการเปิดแบรนด์ใหม่ต้นปีนี้ชื่อว่า เซ็นจูรี่โกลด์ 96.5% จับกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการทองคำที่มีดีไซน์แปลก สวย ราคาระดับกลาง
หลังจากทดลองทำตลาดมาได้ประมาณเกือบปี ผลปรากฎว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทฯนำเอาดีไซน์มาเป็นตัวกำหนด มากกว่าเอาน้ำหนักเช่น 1 สลึงหรือ 1 บาทมากำหนด แต่ยอมรับว่าราคาทองคำ 96.5% ของเซ็นจูรี่โกลด์จะแพงกว่าในตลาดเดียวกันประมาณ 10%
โดยปัจจุบันมีจุดจำหน่ายอยู่ 9 จุด แบ่งเป็น เคาน์เตอร์ 7 จุด เช่น เซ็นทรัลพระรามสองและพระรามสาม ซีคอนสแควร์ เดอะมอลล์บางแค เป็นต้น และมีชอป 2 แห่งคือ ที่บิ๊กซีสุขสวัสดิ์ และที่เพิ่งเปิดใหม่คือ เซ็นทรัลบางนา ที่จะเป็นสาขาแบบแฟลกชิบสโตร์ของเซ็นจูรี่ไดมอนด์ ซึ่งในปีนี้ได้ใช้งบประมาณลงทุนเปิดจุดจำหน่ายแล้วกว่า 70 ล้านบาท
ในปีหน้ามีแผนที่จะขยายจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั้งรูปแบบคือ เคาน์เตอร์กับชอปเต็มรูปแบบ โดยวางงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 40-50 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาอีกไม่ต่ำกว่า 3-5 แห่ง
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์ปีนี้ประมาณ 60 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบเท่าตัว เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่ ฐานตลาดยังเล็กอยู่จึงมีอัตราการเติบโตที่มาก ขณะที่รายได้รวมของทั้งบริษัทฯจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้รวมเติบโตจากปีที่แล้ว 18-20% แบ่งเป็นสัดส่วนจากแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์ประมาณ 10% ปีหน้าตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากเซ็นจูรี่โกลด์ประมาณ 15%
สำหรับในอนาคต หากแบรนด์นี้ได้รับการตอบรับที่ดีเพิ่มขึ้นตามลำดับ และมีรายได้ที่ค่อนข้างสูงมากขึ้นแล้ว ก็อาจจะมีแนวคิดที่จะแยกออกมาตั้งเป็นอีกบริษัทหนึ่งก็ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนระหว่างแบรนด์พรีม่าโกลด์ ที่ทำมานานกว่า 15 ปีแล้วกับแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์
นางสาวรุ่งนภา กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดทองคำในขณะนี้ด้วยว่า ในช่วง 2-3 เดือนนี้ ราคาทองคำค่อนข้างที่จะผันผวนอย่างมาก ราคามีขึ้นลงตลอดไม่แน่นอนซึ่งทำให้ตลาดทองคำระดับพรีเมียมนั้นขายได้ในปริมาณชิ้นที่ลดลง แต่ในแง่ปริมาณมูลค่านั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเกินบาทละหมื่นบาท แต่คาดว่าช่วงไตรมาสแรกปีหน้าตลาดน่าจะนิ่งและดีกว่านี้