xs
xsm
sm
md
lg

ไวไวซุ่มขายเครื่องดื่มปีหน้าแตกไลน์สินค้าลดเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไวไว”พร้อมรบชูธงนโยบายใหม่ปีหน้า เพิ่มไลน์ผลิตสินค้าใหม่ๆนอกเหนือจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลดความเสี่ยง สร้างศักยภาพธุรกิจ พร้อมทั้งดันแบรนด์ คูลิคูลิสู่สแน็กเต็มตัว เผยปีหน้าสวมบทบาทผู้จัดจำหน่ายเต็มตัวหลังซุ่มเงียบปีนี้มานาน นำร่องสินค้าเครื่องดื่มที่จะเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายใหม่ ชี้การเคลื่อนทัพครั้งนี้ หวังลดความเสียเปรียบและปิดช่องโหว่จากคู่แข่ง 2 ค่ายใหญ่อย่างมาม่าและยำยำที่มีสินค้าในพอร์ทหลากหลาย

นายสุชัย ตันติยาสวัสดิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “ไวไว” เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะเริ่มดำเนินงานตามนโยบายที่วางแผนมาตั้งแต่ต้นปีนี้แล้วว่า จะขยายธุรกิจเพิ่มใหม่เพื่อเป็นการสร้างศักยภาพให้กับองค์กรและลดความเสี่ยงของธุรกิจจากเดิมที่มีเพียงผลิตภัณฑ์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเส้นหมี่อบแห้งไวไวเท่านั้น

ทั้งนี้บริษัทฯจะขยายการผลิตสินค้าในไลน์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น แต่ยังคงเน้นสินค้าที่เป็นอาหารการกินเป็นหลักในไลน์ที่ทำอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียดคาดว่าในช่วงกลางปีหน้าคงจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ ส่วนสแน็ก “คูลิคูลิ” นั้น หลังจากทำตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้วก็ขายได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งตลาดไม่ใหญ่มากนัก และคู่แข่งเองก็เลิกทำตลาดไปแล้ว แต่บริษัทฯยังยืนยันที่จะทำต่อแต่อาจจะมีการปรับกลยุทธ์บ้าง ขณะเดียวกันอาจจะขยายแบรนด์คูลิคูลิไปสู่สินค้าสแนกหรือขนมอื่นๆก็ได้ เพราะถือว่าแบรนด์ดังกล่าวเริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดมากแล้ว

นอกจากนั้นจะขยายบทบาทสู่การเป็นผู้รับจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าอุปโภคและบริโภคให้กับเจ้าของสินค้า ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้ศึกษามาตั้งแต่ต้นปีนี้แล้วถึงรูปแบบการทำงานและการเตรียมความพร้อม จะเปิดกว้างทั้งสินค้ารายเก่ที่มีในท้องตลาดและจะเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายรวมทั้งสินค้าใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการเครื่องดื่มรายหนึ่ง ซึ่งทำตลาดอยู่แล้วแต่ต้องการจะเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายใหม่ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเร็วนี้เป็นสินค้านำร่อง

สำหรับการลงทุนเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจครั้งนี้ นายสุชัย กล่าวว่า คงไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายนัก โดยจะใช้โรงงานที่มีอยู่แล้วเป็นฐานการผลิตได้ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เนื่องจากว่าไลน์สินค้าที่บริษัทฯจะขยายการผลิตนั้นก็จะยังคงเป็น ไลน์อาหารการกิน เช่น อาจจะเป็นซอสปรุง,ขนม และเครื่องปรุง ซึ่งบริษัทฯยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นเพียงการยกตัวอย่างเพื่อให้มองเห็นภาพเท่านั้นเอง

“เรามีศักยภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของหน่วยขายรถเคลื่อนที่ ที่มีอยู่มากกว่า 80-90 คัน เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรากหญ้า ร้านค้าย่อย ยังไม่นับรวมรถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่อีกที่ส่งตรงถึงโมเดิร์นเทรดใหญ่ๆ ซึ่งเราจะไช้ซับคอนแทรกต์กว่า 80% ในแต่ละพื้นที่ ส่วนที่เหลือเราทำเอง ตอนนี้เมื่อเราไปส่งสินค้าก็จะส่งได้แค่อย่างเดียวที่เราทำอยู่ แต่เมื่อเรามีสินค้าในมือมากขึ้นทั้งของเราเอง และที่รับจัดจำหน่าย ก็จะทำให้เราสามารถจัดการธุรกิจได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น”

นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของการสร้างศักยภาพในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการทำโปรโมชั่นหรือการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด ซึ่งปรกติแล้วต้องเสียค่าแรกเข้าในมูลค่าที่สูงมาก เช่น คอนวีเนียนสโตร์รายใหญ่รายหนึ่งที่เป็นผู้นำตลาดเวลานี้ เรียกเก็บไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาทต่อเอสเคยูแล้ว หรือถ้าต้องการที่จะเข้าโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ครบทุกเชนในขณะนี้ก็ต้องเสียค่าแรกเข้ารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านบาทต่อสินค้าเพียงเอสเคยูเดียวเท่านั้น แต่ถ้าหากเรามีสินค้ามากขึ้น และสามารถสร้างให้เป็นสินค้ายอดขายท็อปทรีแล้วก็จะทำให้การเจรจาง่ายขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การที่ไวไวต้องปรับบทบาทตัวเองใหม่นั้น เนื่องจากว่า หากเปรียบเทียบกับระหว่าง ผู้ประกอบการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ในตลาด 3 รายแล้วคือ มาม่า ไวไว และยำยำ จะสังเกตได้ว่าไวไวจะมีความเสียเปรียบกว่าอีก 2 แบรนด์ดังกล่าว เนื่องจากว่า ไวไวมีสินค้าเพียงอย่างเดียว คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเส้นหมี่อบแห้ง ขณะที่มาม่าและยำยำนั้นมีสินค้าในเครือมากมายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องปรุง และอื่นๆ สามารถสร้างอำนาจต่อรองกับทางโมเดิร์นเทรดและช่องทางการจำหน่ายอื่นๆได้ อีกทั้งจะมีต้นทุนในการจัดส่งกระจายสินค้าต่ำกว่า เพราะรถคันหนึ่งสามารถส่งสินค้าได้มากมาย อีกทั้งยังสามารถสร้างความได้เปรียบในแง่ของการทำโปรโมชั่นอีกด้วย เพราะสามารถดึงสินค้าในเครือเข้าร่วมได้มากมาย สร้างทางเลือกใหม่ๆให้กับผู้บริโภคได้

ขณะที่ธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น ในอนาคตคาดว่าตลาดรวมคงจะไม่เติบโตมากนัก เพราะถือว่าเริ่มอิ่มตัวแล้วกับมูลค่าตลาดที่มีมากกว่า 10,000 ล้านบาทในเวลานี้ ซึ่งต้นทุนการผลิตของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นก่อนหน้านี้ และวัตถุดิบอื่นก็มีราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นายสุชัย ยังย้ำว่า ธุรกิจหลักของบริษัทฯก็ยังคงเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพียงแต่ว่าต้องการขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้นสร้างอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในช่วงปีหน้าที่เริ่มดำเนินบทบาทใหม่นั้น จะยังคงไม่เห็นผลชัดเจน ในช่วง 2 ปีจากนี้ไปคาดว่า ธุรกิจใหม่จะช่วยสร้างอัตราการเติบโตให้กับบริษัทฯได้อย่างต่ำ 5-10% แน่นอน จากปัจจุบันที่บริษัทฯมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 7%

กำลังโหลดความคิดเห็น