ไมเนอร์รุกตลาดต่างประเทศหนัก ทั้งลงทุนเองและการให้สิทธิ์แฟรนไชส์ คาด 4 ปีปูพรมสเวนเซ่น 16 ประเทศ
นายชุมพจน์ ตันติสุนทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัทสเวนเซ่น (ไทย) อีกหนึ่งธุรกิจในเครือไมเนอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนขยายตลาดต่างประเทศ คาดใน 4 ปีจะสามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้นได้ 16 ประเทศ ทั่วโลก อยู่ในรูปแบบการลงทุนเองและการให้สิทธิ์แฟรนไชส์ ตามสิทธิการบริหารร้านไอศกรีมสเวนเซ่นที่กลุ่มไมเนอร์ได้รับ อาทิ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง อินเดีย จีน ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา เป็นต้น โดยในปลายปีนี้ คาดเปิดให้บริการทั้งสิ้นครบ 8 สาขา หลังทยอยเปิดไปตั้งแต่ต้นปี และเปิดไปแล้วใน 3 ประเทศ คือ คูเวต ดูไบ และซาอุดิอาราเบีย ส่วนประเทศอินเดีย คาดเป็นปี 2550
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทแบบเซ็กเม้นท์เตชั่น เน้นการออกแบบร้านสาขาแต่ละจุดให้ตรงกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายในแต่และพื้นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เป็นร้านไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะเน้นการทำตลาด 4 แนวทางหลักประกอบด้วย 1.การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ2.ราคา3.บุคลากร4.การออกแบบร้าน
“หลังจากบริษัทปรับรูปแบบการออกแบบร้านภายใต้คอนเซปท์ เดอะ พาร์เลอร์(Parlor) หรือ บริการแบบร้านไอศกรีมแบบมีที่นั่ง อย่างจริงจังตั้งแต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตปีละ 25-30% และทำให้บริษัทแม่ ประเทศอเมริกาสนใจและนำรูปแบบการให้บริการร้านสเวนเซ่นในประเทศไทย ไปปรับใช้ในสาขาประเทศอื่นๆด้วย อาทิ แคนาดา และ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น”นายชุมพจน์ กล่าว
ขณะเดียวกันปีหน้าบริษัทฯได้จัดสรรงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ไว้สำหรับขยายสาขาร้านภายในประเทศเพิ่มอีก 20-30 แห่ง โดยจัดแบ่งออกเป็นสำหรับแฟรนไชส์ประมาณ 20 แห่งและของบริษัทฯลงทุนเอง 10 แห่ง สัดส่วนจำนวนสาขาใหม่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าในปี 2551 จะเปิดให้บริการร้านไอศกรีมสเว่นเซ่นได้ครบ 200 สาขา และ ภายในปี 2553 เพิ่มเป็น 250 สาขา ภายในประเทศ
ปัจจุบันร้านไอศกรีมสเวนเซ่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 20 ปี แล้วเปิดให้บริการทั้งสิ้น 156 ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมตั้งเป้าเสิร์ฟลูกค้าครบ 60 ล้านคนทั่วประเทศต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 26 ล้านคนต่อปี และสิ้นปีคาดมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาท
โดยในส่วนของตลาดในประเทศนั้น ตลาดรวมไอศกรีมมีมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาทมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-8% โดยแบ่งออกเป็นตลาดไอศกรีมระดับบนประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยสเวนเซ่นเป็นไอศกรีมระดับพรีเมี่ยม ครองส่วนแบ่งการให้บริการลูกค้ากว่า 90% นอกจากนี้ยังมีตลาดไอศกรีมอิมพัลซ์ 6300 ล้านบาท และไอศกรีมนำกลับบ้าน 800 ล้านบาท