ภาคเอกชนไทยยืนยันกับนักธุรกิจกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกลไกต่าง ๆ ที่ยังเดินหน้าได้ตามปกติ พร้อมกับชี้แจงแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนที่ประชุมนักธุรกิจกลุ่มเอเปก เสนอความกังวลต่อผู้นำเอเปกใน 3 เรื่องสำคัญ
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ซึ่งเข้าร่วมประชุมนักธุรกิจของกลุ่มเอเปก กล่าวว่า จากการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจสมาชิกกลุ่มเอเปก ได้มีการสอบถามถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย ซึ่งได้ชี้แจงถึงความจำเป็น และยืนยันว่าแม้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่กลไกต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชนยังเดินหน้าได้ตามปกติและต้องการให้นักธุรกิจต่างชาติทราบว่าการปฏิรูปประชาธิปไตยในประเทศไทย ไม่อยากให้ดูเฉพาะการมีหรือไม่มีเลือกตั้ง แต่อยากให้ดูระบบทั้งหมด เพราะหากมีเลือกตั้งแล้ว แต่กลไกไม่สามารถเดินหน้าได้ตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นก็มีปัญหาได้เช่นกัน แต่ขณะนี้รัฐบาลชุดปัจจุบันแม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็สามารถทำให้กลไกต่าง ๆ เดินหน้าไปตามปกติอย่างได้ผลดี ซึ่งนักธุรกิจต่างชาติก็มีความเข้าใจการเมืองของไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ นักธุรกิจของกลุ่มเอเปกยังได้สอบถามถึงแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของไทย ซึ่งได้ชี้แจงว่านโยบายเศรษฐกิจพอเพียงจะไม่มีผลกระทบต่อเรื่องการค้าการลงทุนใด ๆ ของไทยกับต่างชาติแน่นอน แต่เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างความพอดีในการลงทุน ไม่ให้เกิดการลงทุนหรือดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เกินพอดีจนเกิดปัญหาตามมาภายหลังอีกทั้งแนวทางดังกล่าวก็สอดคล้องกับการดำเนินงานของภาคธุรกิจใหญ่ ๆ ที่จะต้องมีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ไม่ใช้จ่ายหรือลงทุนใด ๆ ที่เกินตัวอยู่แล้ว
ส่วนการประชุมของสภาที่ปรึกษาธุรกิจกลุ่มเอเปกนั้น เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจของเอเปกมีข้อกังวลที่ได้นำเสนอต่อการประชุมผู้นำเอเปกใน 3 เรื่องสำคัญคือ การเจรจาการค้ารอบโดฮา ภาคเอกชนต้องการให้เดินหน้าต่อไป ขณะที่เรื่องของพลังงาน ซึ่งช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้การรณรงค์เรื่องของประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทนลดลง จึงต้องการให้มีการรณรงค์เรื่องของพลังงานทดแทนให้เกิดความต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของกองทุนต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีการอ้างจากสหรัฐ ซึ่งมีกองทุนต่าง ๆ จำนวนมากว่าเป็นการลงทุนตามกลไกตลาดและไม่มีผลกระทบถึงกลุ่มคนทั่วไป แต่ขณะนี้พิสูจน์แล้วว่าการดำเนินงานของกองทุนได้ส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มคนทั่วไป ซึ่งนักธุรกิจสหรัฐก็เคยแสดงความเห็นเรื่องนี้มาแล้วและบางครั้งการดำเนินงานของกองทุนก็ขาดความโปร่งใสในเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน เพราะบางกองทุนมีเงินทุนไม่มาก แต่ได้ลงทุนจำนวนมาก และบางกองทุนของสหรัฐมีผลประกอบการขาดทุนสุดท้ายรัฐบาลสหรัฐก็เข้าไปช่วยเหลือจึงต้องการให้บทบาทกองทุนเป็นไปอย่างโปร่งใสมากขึ้น
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ซึ่งเข้าร่วมประชุมนักธุรกิจของกลุ่มเอเปก กล่าวว่า จากการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจสมาชิกกลุ่มเอเปก ได้มีการสอบถามถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย ซึ่งได้ชี้แจงถึงความจำเป็น และยืนยันว่าแม้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่กลไกต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชนยังเดินหน้าได้ตามปกติและต้องการให้นักธุรกิจต่างชาติทราบว่าการปฏิรูปประชาธิปไตยในประเทศไทย ไม่อยากให้ดูเฉพาะการมีหรือไม่มีเลือกตั้ง แต่อยากให้ดูระบบทั้งหมด เพราะหากมีเลือกตั้งแล้ว แต่กลไกไม่สามารถเดินหน้าได้ตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นก็มีปัญหาได้เช่นกัน แต่ขณะนี้รัฐบาลชุดปัจจุบันแม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็สามารถทำให้กลไกต่าง ๆ เดินหน้าไปตามปกติอย่างได้ผลดี ซึ่งนักธุรกิจต่างชาติก็มีความเข้าใจการเมืองของไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ นักธุรกิจของกลุ่มเอเปกยังได้สอบถามถึงแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของไทย ซึ่งได้ชี้แจงว่านโยบายเศรษฐกิจพอเพียงจะไม่มีผลกระทบต่อเรื่องการค้าการลงทุนใด ๆ ของไทยกับต่างชาติแน่นอน แต่เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างความพอดีในการลงทุน ไม่ให้เกิดการลงทุนหรือดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เกินพอดีจนเกิดปัญหาตามมาภายหลังอีกทั้งแนวทางดังกล่าวก็สอดคล้องกับการดำเนินงานของภาคธุรกิจใหญ่ ๆ ที่จะต้องมีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ไม่ใช้จ่ายหรือลงทุนใด ๆ ที่เกินตัวอยู่แล้ว
ส่วนการประชุมของสภาที่ปรึกษาธุรกิจกลุ่มเอเปกนั้น เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจของเอเปกมีข้อกังวลที่ได้นำเสนอต่อการประชุมผู้นำเอเปกใน 3 เรื่องสำคัญคือ การเจรจาการค้ารอบโดฮา ภาคเอกชนต้องการให้เดินหน้าต่อไป ขณะที่เรื่องของพลังงาน ซึ่งช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้การรณรงค์เรื่องของประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทนลดลง จึงต้องการให้มีการรณรงค์เรื่องของพลังงานทดแทนให้เกิดความต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของกองทุนต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีการอ้างจากสหรัฐ ซึ่งมีกองทุนต่าง ๆ จำนวนมากว่าเป็นการลงทุนตามกลไกตลาดและไม่มีผลกระทบถึงกลุ่มคนทั่วไป แต่ขณะนี้พิสูจน์แล้วว่าการดำเนินงานของกองทุนได้ส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มคนทั่วไป ซึ่งนักธุรกิจสหรัฐก็เคยแสดงความเห็นเรื่องนี้มาแล้วและบางครั้งการดำเนินงานของกองทุนก็ขาดความโปร่งใสในเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน เพราะบางกองทุนมีเงินทุนไม่มาก แต่ได้ลงทุนจำนวนมาก และบางกองทุนของสหรัฐมีผลประกอบการขาดทุนสุดท้ายรัฐบาลสหรัฐก็เข้าไปช่วยเหลือจึงต้องการให้บทบาทกองทุนเป็นไปอย่างโปร่งใสมากขึ้น