ภาคเอกชนเสนอรัฐออกกฎหมายค้าส่งค้าปลีกและนำกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กฎหมายแข่งขันทางการค้า และกฎหมายผังเมือง มาบังคับใช้อย่างจริงจัง พร้อมชี้การขายต่ำกว่าต้นทุนเข้าข่ายผิดกฎหมาย ระบุโชวห่วยไทยไม่รอดแน่ หากภาครัฐไม่กำหนดกฎกติกาที่จะให้ภาคธุรกิจอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม จับตาห้างเทสโก้ โลตัส หัวหมอเตรียมผุดห้าง 990 ตารางเมตรขึ้นไป
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ กรรมการหอการค้าไทย กล่าวในงานสัมมนา “ปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งกับ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า และ พ.ร.บ.กำหนดราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542” ว่า แม้ว่าทางห้างเทสโก้ โลตัส จะยอมชะลอการขยายสาขาขนาดพื้นที่ 300-800 ตารางเมตรชั่วคราวอย่างน้อย 3 เดือน และยินยอมร่วมแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีก แต่ยังต้องจับตามองพิเศษถึงความจริงใจ เพราะตามแผนการขยายสาขาของเทสโก้ฯ ยังมีแผนขยายสาขาในพื้นที่ 990 ตารางเมตรขึ้นไป จึงจำเป็นต้องดูว่าห้างมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหามากน้อยแค่ไหน
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ กล่าวว่า เท่าที่มีการประเมินเห็นว่ากฎหมายของไทยที่มีอยู่ ไม่ว่ากฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กฎหมายแข่งขันทางการค้า ยังไม่สามารถบังคับใช้หรือเอาผิดกับการกระทำความผิดได้ และที่สำคัญ การขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ ซึ่งกฎหมายประเทศไทยเมื่อได้รับใบอนุญาตใบเดียว ก็สามารถทำกิจการได้ทั้งหมด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องนำกฎหมาย หรือกฎกติกาออกมาบังคับใช้โดยเร็ว และเห็นว่า รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้นำกฎหมายค้าส่งค้าปลีกมาบังคับใช้ควบคุมภาคธุรกิจอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม
“เวลานี้แม้จะมีความร่วมมือชะลอขยายสาขา แต่จะทำอย่างไรให้ห้างต่างๆ โดยเฉพาะห้างขนาดใหญ่หยุดขยายสาขาทันที เพื่อให้ภาคธุรกิจ ร้านค้าโชวห่วย สามารถปรับตัวแข่งขันได้” ว่าที่ ร.อ.จิตร์ กล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่า แม้ภาคธุรกิจ หรือร้านโชวห่วยของไทย ทั้งค้าส่งค้าปลีก จะมีการปรับตัว แต่หากกฎระเบียบหรือกติกาที่จะใช้บังคับจากหน่วยงานราชการไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายที่ออกมาก็ไม่สามารถเอาความผิดได้ เพราะขณะนี้แต่ละห้างมีกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์โดยการแยกบัญชีการเสียภาษี โดยสาขาของห้างที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถนำบัญชีการค้ามารวมกับสาขาใหญ่และยอมเสียภาษี แต่จะเห็นว่า เป็นการเสียภาษีให้แก่ภาครัฐน้อยมาก จึงอยากให้แยกการเสียภาษีแต่ละห้างในภูมิภาค และต้องมีการเสียภาษีท้องถิ่นอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า กฎหมายของเมืองไทยที่ใช้ในปัจจุบันเป็นกฎหมายที่ยืดหยุ่นมากเกินไป ทำให้การบังคับใช้กฎหมายจะอยู่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น กรณีขายต่ำกว่าต้นทุน แม้เป็นกิจการที่ขายให้ผู้บริโภคในราคาถูก ถือเป็นแนวทางในการดึงผู้บริโภคให้เข้าห้างมากขึ้น และสามารถขายสินค้าอื่นๆ ได้ รวมถึงจะทำให้กิจการเช่าพื้นที่ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากดูในข้อกฎหมายถือเป็นการกระทำความผิด จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐต้องมาดูแลเรื่องกฎหมาย เพราะเชื่อว่าแม้ร้านค้าโชห่วยมีการปรับตัว แต่ไม่สามารถสู้กลุ่มผู้ค้าปลีกรายใหญ่ได้ จึงจำเป็นต้องสะท้อนด้วยการกำหนดกรอบกติกา และนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เท่าที่มีการดูกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ถือว่าห้างที่ขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุนหรือสูงเกินจริงเข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่ที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทยทำไมไม่มีประสิทธิภาพ จึงอยากฝากรัฐบาลและหน่วยงานที่กี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายผังเมือง หรือกฎหมายใดๆ มีการระบุหลักเกณฑ์ การบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายหรือกฎระเบียบที่จะดำเนินการให้ภาคธุรกิจอยู่ร่วมกัน ไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างแท้จริง และขอฝากรัฐบาลชุดนี้ว่าการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาค้าปลีกค้าส่งควรที่จะดึงประชาชน ผู้ประกอบการ และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย แม้ว่าภาครัฐจะระบุว่า คณะกรรมการมีตัวแทนของหอการค้าไทย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องดูว่าการแก้ไขปัญหาตรงจุดหรือไม่
ส่วนการที่ห้างเทสโก้ฯ หยุดขยายสาขาอย่างน้อย 3 เดือน แต่ในทางปฏิบัติคงไม่ได้ผลมากนัก จึงอยากให้ทั้งห้างเล็ก หรือห้างใหญ่หยุดขยายสาขาโดยทันที เพราะสาขาของห้างในปัจจุบันมีปริมาณมากพออยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องขยายสาขาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้คนในชุมชน แม้ว่าผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกสบาย แต่ภาคธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลกระทบอย่างมาก รัฐบาลจะต้องนำกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมทั้งจะต้องออกกฎหมายค้าส่งค้าปลีกมาบังคับใช้อย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าขณะนี้แม้ว่าภาคธุรกิจจะมีการปรับตัว แต่ไม่สามารถรับกระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่รุกเข้ามาทำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งได้ ซึ่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของไทยจะมีมากขึ้น
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ กรรมการหอการค้าไทย กล่าวในงานสัมมนา “ปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งกับ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า และ พ.ร.บ.กำหนดราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542” ว่า แม้ว่าทางห้างเทสโก้ โลตัส จะยอมชะลอการขยายสาขาขนาดพื้นที่ 300-800 ตารางเมตรชั่วคราวอย่างน้อย 3 เดือน และยินยอมร่วมแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีก แต่ยังต้องจับตามองพิเศษถึงความจริงใจ เพราะตามแผนการขยายสาขาของเทสโก้ฯ ยังมีแผนขยายสาขาในพื้นที่ 990 ตารางเมตรขึ้นไป จึงจำเป็นต้องดูว่าห้างมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหามากน้อยแค่ไหน
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ กล่าวว่า เท่าที่มีการประเมินเห็นว่ากฎหมายของไทยที่มีอยู่ ไม่ว่ากฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กฎหมายแข่งขันทางการค้า ยังไม่สามารถบังคับใช้หรือเอาผิดกับการกระทำความผิดได้ และที่สำคัญ การขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ ซึ่งกฎหมายประเทศไทยเมื่อได้รับใบอนุญาตใบเดียว ก็สามารถทำกิจการได้ทั้งหมด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องนำกฎหมาย หรือกฎกติกาออกมาบังคับใช้โดยเร็ว และเห็นว่า รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้นำกฎหมายค้าส่งค้าปลีกมาบังคับใช้ควบคุมภาคธุรกิจอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม
“เวลานี้แม้จะมีความร่วมมือชะลอขยายสาขา แต่จะทำอย่างไรให้ห้างต่างๆ โดยเฉพาะห้างขนาดใหญ่หยุดขยายสาขาทันที เพื่อให้ภาคธุรกิจ ร้านค้าโชวห่วย สามารถปรับตัวแข่งขันได้” ว่าที่ ร.อ.จิตร์ กล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่า แม้ภาคธุรกิจ หรือร้านโชวห่วยของไทย ทั้งค้าส่งค้าปลีก จะมีการปรับตัว แต่หากกฎระเบียบหรือกติกาที่จะใช้บังคับจากหน่วยงานราชการไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายที่ออกมาก็ไม่สามารถเอาความผิดได้ เพราะขณะนี้แต่ละห้างมีกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์โดยการแยกบัญชีการเสียภาษี โดยสาขาของห้างที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถนำบัญชีการค้ามารวมกับสาขาใหญ่และยอมเสียภาษี แต่จะเห็นว่า เป็นการเสียภาษีให้แก่ภาครัฐน้อยมาก จึงอยากให้แยกการเสียภาษีแต่ละห้างในภูมิภาค และต้องมีการเสียภาษีท้องถิ่นอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า กฎหมายของเมืองไทยที่ใช้ในปัจจุบันเป็นกฎหมายที่ยืดหยุ่นมากเกินไป ทำให้การบังคับใช้กฎหมายจะอยู่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น กรณีขายต่ำกว่าต้นทุน แม้เป็นกิจการที่ขายให้ผู้บริโภคในราคาถูก ถือเป็นแนวทางในการดึงผู้บริโภคให้เข้าห้างมากขึ้น และสามารถขายสินค้าอื่นๆ ได้ รวมถึงจะทำให้กิจการเช่าพื้นที่ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากดูในข้อกฎหมายถือเป็นการกระทำความผิด จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐต้องมาดูแลเรื่องกฎหมาย เพราะเชื่อว่าแม้ร้านค้าโชห่วยมีการปรับตัว แต่ไม่สามารถสู้กลุ่มผู้ค้าปลีกรายใหญ่ได้ จึงจำเป็นต้องสะท้อนด้วยการกำหนดกรอบกติกา และนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เท่าที่มีการดูกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ถือว่าห้างที่ขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุนหรือสูงเกินจริงเข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่ที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทยทำไมไม่มีประสิทธิภาพ จึงอยากฝากรัฐบาลและหน่วยงานที่กี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายผังเมือง หรือกฎหมายใดๆ มีการระบุหลักเกณฑ์ การบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายหรือกฎระเบียบที่จะดำเนินการให้ภาคธุรกิจอยู่ร่วมกัน ไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างแท้จริง และขอฝากรัฐบาลชุดนี้ว่าการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาค้าปลีกค้าส่งควรที่จะดึงประชาชน ผู้ประกอบการ และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย แม้ว่าภาครัฐจะระบุว่า คณะกรรมการมีตัวแทนของหอการค้าไทย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องดูว่าการแก้ไขปัญหาตรงจุดหรือไม่
ส่วนการที่ห้างเทสโก้ฯ หยุดขยายสาขาอย่างน้อย 3 เดือน แต่ในทางปฏิบัติคงไม่ได้ผลมากนัก จึงอยากให้ทั้งห้างเล็ก หรือห้างใหญ่หยุดขยายสาขาโดยทันที เพราะสาขาของห้างในปัจจุบันมีปริมาณมากพออยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องขยายสาขาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้คนในชุมชน แม้ว่าผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกสบาย แต่ภาคธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลกระทบอย่างมาก รัฐบาลจะต้องนำกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมทั้งจะต้องออกกฎหมายค้าส่งค้าปลีกมาบังคับใช้อย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าขณะนี้แม้ว่าภาคธุรกิจจะมีการปรับตัว แต่ไม่สามารถรับกระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่รุกเข้ามาทำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งได้ ซึ่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของไทยจะมีมากขึ้น