ทิพ เล็งรีลอนช์น้ำมันถั่วเหลืองใหม่ปีหน้า ปรับสูตรน้ำมันผสมแบบทูอินวันทอด-ผัดขวดเดียว สร้างมูลค่าเพิ่มสู้ศึกตลาดระดับแมสแข่งสงครามราคาเดือด ฉวยปรับราคาขึ้น 2-3 บาท อัดฉีดงบ 30 ล้านบาทบูมสินค้าแจ้งเกิด ปีแรกแชร์เพิ่มจาก 10% เป็น 20% บี้กุ๊ก-มรกต แย้มปีหน้าแตกไลน์สแนก-เค้ก เสริมเขี้ยวเล็บ
หม่อมราชวงศ์สุภาณี ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำมันพืชทิพ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายน้ำมันพืชทิพ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทฯในช่วง 2-3 ปีนี้ได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจน้ำมันพืชเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 70% ส่วนธุรกิจจากกากถั่วเหลืองลดลงจาก 70% เป็น 30% ดังนั้นแผนการตลาดปีหน้า จะรุกตลาดน้ำมันพืชอย่างหนักภายใต้งบการตลาด 80 ล้านบาทในช่วง 2 ปีนี้ ทั้งในกลุ่มน้ำมันพืชทิพในตลาดระดับแมส และทิพไวส์น้ำมันพืชระดับพรีเมียม
สำหรับแผนการตลาดในกลุ่มน้ำมันพืชทิพระดับแมส บริษัทฯได้เตรียมรีลอนช์น้ำมันถั่วเหลืองใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 โดยจะปรับสูตรน้ำมันถั่วเหลือง 100% เป็นน้ำมันผสม ทั้งนี้เพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับการทอดและผัด ภายใต้งบตลาด 30 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าตลาดแมสเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วนคิดเป็น 90% ประกอบด้วย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เมื่อเทียบกับน้ำมันระดับพรีเมียม ประกอบด้วย น้ำมันรำข้าว 6% และอื่นๆ 4% คิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดรวมเท่านั้น
สำหรับสภาพตลาดน้ำมันระดับแมสการแข่งขันมีความรุนแรง โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์ราคา ดังนั้นแนวทางการตลาดของบริษัทฯจึงหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยสามารถนำมาทอดและผัดได้ในขวดเดียวกัน ซึ่งจะทำให้น้ำมันพืชทิพแตกต่างจากคู่แข่งที่อยู่ในตลาด ทั้งนี้น้ำมันถั่วเหลืองทิพใหม่จะปรับราคาขึ้น 38-40 บาท จากเดิมจำหน่ายขวดละ 37-38 บาท
บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ว่า หลังจากเปิดตัวสินค้าปีแรกส่วนแบ่งจะเพิ่มจาก 10% เป็น 20% ไล่เลี่ยกับกุ๊กอันดับสามของตลาด มีส่วนแบ่ง 18-19% อันดับสองมรกตกว่า 20% ส่วนอันดับหนึ่งองุ่นครองส่วนแบ่ง 50% จากมูลค่าตลาดน้ำมันถั่วเหลือง 3,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของตลาดรวม 9,000 ล้านบาท
สำหรับการทำตลาดน้ำมันพืชทิพไวส์ระดับพรีเมียม ในปีหน้านี้บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวน้ำมันพืชใหม่อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ น้ำมันเมล็ดฝ้าย,น้ำมันถั่วเหลืองผสมน้ำมันปาล์ม,น้ำมันข้าวโพด,น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันสลัด โดยจะเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก ล่าสุดได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่เรื่อง “ดูให้ดีก่อนเลือก” เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ส่วนธุรกิจกากถั่วเหลือง บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวสินค้าที่พัฒนาขึ้นจากกากน้ำมันถั่วเหลือง เป็น กลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพและเค้ก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้านี้
ด้านผลประกอบการสิ้นปีนี้บริษัทฯตั้งเป้า 250-300 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 700-800 ล้านบาท รายได้ที่ลดลงมาจากการที่บริษัทฯเลิกทำน้ำมันอุตสาหกรรมลง โดยรายได้ในปีนี้แบ่งเป็นน้ำมันพืชทิพไวส์คิดเป็น 15% จากปัจจุบันมีส่วนรายได้ 11%
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าภายใน 2 ปีนี้ทิพไวส์จะมีส่วนแบ่ง 10% หรือเป็นอันดับหนึ่งของตลาดน้ำมันพืชระดับพรีเมียม ขณะที่ส่วนแบ่งโดยรวมของน้ำมันพืชทิพ ปัจจุบันมี 6% สิ้นปีตั้งเป้าเพิ่มเป็น 8% จากมูลค่า 9,000 ล้านบาท
หม่อมราชวงศ์สุภาณี ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำมันพืชทิพ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายน้ำมันพืชทิพ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทฯในช่วง 2-3 ปีนี้ได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจน้ำมันพืชเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 70% ส่วนธุรกิจจากกากถั่วเหลืองลดลงจาก 70% เป็น 30% ดังนั้นแผนการตลาดปีหน้า จะรุกตลาดน้ำมันพืชอย่างหนักภายใต้งบการตลาด 80 ล้านบาทในช่วง 2 ปีนี้ ทั้งในกลุ่มน้ำมันพืชทิพในตลาดระดับแมส และทิพไวส์น้ำมันพืชระดับพรีเมียม
สำหรับแผนการตลาดในกลุ่มน้ำมันพืชทิพระดับแมส บริษัทฯได้เตรียมรีลอนช์น้ำมันถั่วเหลืองใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 โดยจะปรับสูตรน้ำมันถั่วเหลือง 100% เป็นน้ำมันผสม ทั้งนี้เพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับการทอดและผัด ภายใต้งบตลาด 30 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าตลาดแมสเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วนคิดเป็น 90% ประกอบด้วย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เมื่อเทียบกับน้ำมันระดับพรีเมียม ประกอบด้วย น้ำมันรำข้าว 6% และอื่นๆ 4% คิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดรวมเท่านั้น
สำหรับสภาพตลาดน้ำมันระดับแมสการแข่งขันมีความรุนแรง โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์ราคา ดังนั้นแนวทางการตลาดของบริษัทฯจึงหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยสามารถนำมาทอดและผัดได้ในขวดเดียวกัน ซึ่งจะทำให้น้ำมันพืชทิพแตกต่างจากคู่แข่งที่อยู่ในตลาด ทั้งนี้น้ำมันถั่วเหลืองทิพใหม่จะปรับราคาขึ้น 38-40 บาท จากเดิมจำหน่ายขวดละ 37-38 บาท
บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ว่า หลังจากเปิดตัวสินค้าปีแรกส่วนแบ่งจะเพิ่มจาก 10% เป็น 20% ไล่เลี่ยกับกุ๊กอันดับสามของตลาด มีส่วนแบ่ง 18-19% อันดับสองมรกตกว่า 20% ส่วนอันดับหนึ่งองุ่นครองส่วนแบ่ง 50% จากมูลค่าตลาดน้ำมันถั่วเหลือง 3,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของตลาดรวม 9,000 ล้านบาท
สำหรับการทำตลาดน้ำมันพืชทิพไวส์ระดับพรีเมียม ในปีหน้านี้บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวน้ำมันพืชใหม่อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ น้ำมันเมล็ดฝ้าย,น้ำมันถั่วเหลืองผสมน้ำมันปาล์ม,น้ำมันข้าวโพด,น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันสลัด โดยจะเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก ล่าสุดได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่เรื่อง “ดูให้ดีก่อนเลือก” เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ส่วนธุรกิจกากถั่วเหลือง บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวสินค้าที่พัฒนาขึ้นจากกากน้ำมันถั่วเหลือง เป็น กลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพและเค้ก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้านี้
ด้านผลประกอบการสิ้นปีนี้บริษัทฯตั้งเป้า 250-300 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 700-800 ล้านบาท รายได้ที่ลดลงมาจากการที่บริษัทฯเลิกทำน้ำมันอุตสาหกรรมลง โดยรายได้ในปีนี้แบ่งเป็นน้ำมันพืชทิพไวส์คิดเป็น 15% จากปัจจุบันมีส่วนรายได้ 11%
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าภายใน 2 ปีนี้ทิพไวส์จะมีส่วนแบ่ง 10% หรือเป็นอันดับหนึ่งของตลาดน้ำมันพืชระดับพรีเมียม ขณะที่ส่วนแบ่งโดยรวมของน้ำมันพืชทิพ ปัจจุบันมี 6% สิ้นปีตั้งเป้าเพิ่มเป็น 8% จากมูลค่า 9,000 ล้านบาท