อังกฤษตรางูเปิดเกมรุก ตั้งเป้าอีก 2 ปี แชร์ตลาดของบริษัทฯต้องมากกว่า 30% โค่นโพรเทคส์หล่นไปอยู่อันดับสองให้ได้ ล่าสุดทุ่ม 50 ล. ส่งแป้งเย็นตรางูสูตรใหม่เข้าสู่เซ็กเม้นท์อนามัยและการปกป้องหวังชนโพรเทคส์โดยตรง
นายสมชาย นิธิเสถียรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย ภายในประเทศ บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งเย็นตรางู เปิดเผยว่า ตลาดรวมแป้งทาตัวในไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 3,600 ล้านบาท โดยเซ็กเมนท์ที่มีการแข่งขันรุนแรงมากที่สุดคือ แป้งเย็น ซึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 1,300 ล้านบาท หรือ 35% จากผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 รายคือ โพรเทคส์ ตรางู ทเวลฟ์พลัส เภสัชและ ชาวเวอร์ทูชาวเวอร์ ที่ทำตลาดกันสม่ำเสมอ โดยปีนี้คาดว่าเซ็กเม้นท์นี้เติบโตลดลง 1%
ขณะที่ตลาดเซ็กเม้นท์แป้งเด็กนั้นจะใหญ่ที่สุดคือ 1,800-2,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการจำนวนมาก และมีการเติบโตค่อนข้างดี ส่วนที่เหลือนั้นก็เป็นเซ็กเม้นท์ย่อยๆทั่วไปเช่น แป้งหอม แป้งรักษาสิว เป็นต้น
โดยที่แป้งเย็นตรางูนั้นจัดอยู่ในกลุ่มแป้งเย็น โดยปีนี้คาดว่าจะมีแชร์ประมาณ 23% เพิ่มจากสิ้นปีที่แล้วที่มีแชร์ประมาณ 22% อยู่ในอันดับที่สองรองจาก โพรเทคส์ ที่เป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 28% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะทำส่วนแบ่งการตลาดให้ใกล้เคียงกับโพรเทคส์คือประมาณ 28% ภายในสิ้นปีหน้า และขึ้นเป็นผู้นำในเซ็กเม้นท์แป้งเย็นในปีถัดไปด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 30%
แนวทางการรุกตลาดของแป้งเย็นตรางูนั้น บริษัทฯจะใช้กลยุทธ์การทำตลาดโดยมุ่งเน้นพัฒนาวิจัยแป้งสูตรใหม่ลงสู่ตลาดปีละ 1 สูตร จากปัจจุบันที่มี สูตรคลาสสิคเป็นแป้งเย็น, สูตรลาเวนเดอร์ เป็นแป้งความหอม และสูตรเฮอร์เบิล เป็นแป้งสดชื่นสมุนไพร ล่าสุดคือ สูตรแอนไท-แบคทีเรีย เอเจนท์ ที่เป็นแป้งแบบปกป้องผิว เน้นจุดขายตรงที่ว่า ปกป้อง 2 ต่อ มั่นใจ 2 เท่า
“สูตรใหม่นี้เราเข้ามาแข่งขันกับทางโพรเทคส์โดยตรงที่เป็นเจ้าตลาดแป้งสูตรปกป้อง เพราะเราต้องการขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำในอีก 2 ปีนับจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสูตรใหม่ที่เราวางตลาดก็จะได้รับการตอบรับดีและเพิ่มส่วนแบ่งมาตลอด โดยตั้งงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ในการทำตลาดทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการตลาดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เป้าหมายเราคือต้องการให้ผู้บริโภครู้จักตัวสินค้าเรามากที่สุด เพื่อให้เกิดการสวิทชิ่งแบรนด์ จากคู่แข่งมาใช้แบรนด์ของเราแทนและตั้งเป้าหมายไว้ว่า สูตรใหม่นี้จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ประมาณ 3-5% ภายในช่วงปีแรกของการทำตลาด” นายสมชายกล่าว
นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯร่วมมือกับทางชมรมพลังการค้าไทยและสมาคมค้าปลีกส่งไทย ในการช่วยกระจายสินค้าไปยังร้านค้าย่อยทั่วไปตามต่างจังหวัดและการจัดกิจกรรมต่างๆด้วย เพิ่มเติมจากที่ดีทแฮล์มกระจายสินค้าให้อยู่แล้วในช่องทางหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า การรุกตลาดในเซ็กเม้นท์อนามัยและการปกป้องนั้น ถือได้ว่าเป็นการแก้เกมและเข้าชนกับทางโพรเทคส์โดยตรง เนื่องจากว่า เซ็กเม้นท์ดังกล่าวนี้ทางโพรเทคส์มีความแข็งแกร่งในตลาดนี้อย่างมาก ซึ่งแป้งเย็นตรางูขยายเข้ามาในเซ็กเม้นท์นี้ก็เพื่อต้องการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับคืน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางโพรเทคส์เองก็ขยายเข้ามาสู่เซ็กเม้นท์ความเย็นเมื่อช่วงต้นปีด้วยการส่งสูตร ไอซ์คูล เข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นเซ็กเมนท์ที่แป้งเย็นตรางูมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว
นายสมชาย นิธิเสถียรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย ภายในประเทศ บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งเย็นตรางู เปิดเผยว่า ตลาดรวมแป้งทาตัวในไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 3,600 ล้านบาท โดยเซ็กเมนท์ที่มีการแข่งขันรุนแรงมากที่สุดคือ แป้งเย็น ซึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 1,300 ล้านบาท หรือ 35% จากผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 รายคือ โพรเทคส์ ตรางู ทเวลฟ์พลัส เภสัชและ ชาวเวอร์ทูชาวเวอร์ ที่ทำตลาดกันสม่ำเสมอ โดยปีนี้คาดว่าเซ็กเม้นท์นี้เติบโตลดลง 1%
ขณะที่ตลาดเซ็กเม้นท์แป้งเด็กนั้นจะใหญ่ที่สุดคือ 1,800-2,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการจำนวนมาก และมีการเติบโตค่อนข้างดี ส่วนที่เหลือนั้นก็เป็นเซ็กเม้นท์ย่อยๆทั่วไปเช่น แป้งหอม แป้งรักษาสิว เป็นต้น
โดยที่แป้งเย็นตรางูนั้นจัดอยู่ในกลุ่มแป้งเย็น โดยปีนี้คาดว่าจะมีแชร์ประมาณ 23% เพิ่มจากสิ้นปีที่แล้วที่มีแชร์ประมาณ 22% อยู่ในอันดับที่สองรองจาก โพรเทคส์ ที่เป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 28% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะทำส่วนแบ่งการตลาดให้ใกล้เคียงกับโพรเทคส์คือประมาณ 28% ภายในสิ้นปีหน้า และขึ้นเป็นผู้นำในเซ็กเม้นท์แป้งเย็นในปีถัดไปด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 30%
แนวทางการรุกตลาดของแป้งเย็นตรางูนั้น บริษัทฯจะใช้กลยุทธ์การทำตลาดโดยมุ่งเน้นพัฒนาวิจัยแป้งสูตรใหม่ลงสู่ตลาดปีละ 1 สูตร จากปัจจุบันที่มี สูตรคลาสสิคเป็นแป้งเย็น, สูตรลาเวนเดอร์ เป็นแป้งความหอม และสูตรเฮอร์เบิล เป็นแป้งสดชื่นสมุนไพร ล่าสุดคือ สูตรแอนไท-แบคทีเรีย เอเจนท์ ที่เป็นแป้งแบบปกป้องผิว เน้นจุดขายตรงที่ว่า ปกป้อง 2 ต่อ มั่นใจ 2 เท่า
“สูตรใหม่นี้เราเข้ามาแข่งขันกับทางโพรเทคส์โดยตรงที่เป็นเจ้าตลาดแป้งสูตรปกป้อง เพราะเราต้องการขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำในอีก 2 ปีนับจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสูตรใหม่ที่เราวางตลาดก็จะได้รับการตอบรับดีและเพิ่มส่วนแบ่งมาตลอด โดยตั้งงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ในการทำตลาดทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการตลาดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เป้าหมายเราคือต้องการให้ผู้บริโภครู้จักตัวสินค้าเรามากที่สุด เพื่อให้เกิดการสวิทชิ่งแบรนด์ จากคู่แข่งมาใช้แบรนด์ของเราแทนและตั้งเป้าหมายไว้ว่า สูตรใหม่นี้จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ประมาณ 3-5% ภายในช่วงปีแรกของการทำตลาด” นายสมชายกล่าว
นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯร่วมมือกับทางชมรมพลังการค้าไทยและสมาคมค้าปลีกส่งไทย ในการช่วยกระจายสินค้าไปยังร้านค้าย่อยทั่วไปตามต่างจังหวัดและการจัดกิจกรรมต่างๆด้วย เพิ่มเติมจากที่ดีทแฮล์มกระจายสินค้าให้อยู่แล้วในช่องทางหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า การรุกตลาดในเซ็กเม้นท์อนามัยและการปกป้องนั้น ถือได้ว่าเป็นการแก้เกมและเข้าชนกับทางโพรเทคส์โดยตรง เนื่องจากว่า เซ็กเม้นท์ดังกล่าวนี้ทางโพรเทคส์มีความแข็งแกร่งในตลาดนี้อย่างมาก ซึ่งแป้งเย็นตรางูขยายเข้ามาในเซ็กเม้นท์นี้ก็เพื่อต้องการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับคืน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางโพรเทคส์เองก็ขยายเข้ามาสู่เซ็กเม้นท์ความเย็นเมื่อช่วงต้นปีด้วยการส่งสูตร ไอซ์คูล เข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นเซ็กเมนท์ที่แป้งเย็นตรางูมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว