ทรูแวลูร์เตรียมทุ่มเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ผุดสาขาใหม่อีก 2-3 สาขาในกรุงเทพฯ ยึดหัวหาดที่มีชาวต่างประเทศ และกลุ่มไฮเอนด์อยู่ พร้อมรุกช่องทางโมเดิร์นเทรดให้ครบ 50 สาขาในปีหน้า มั่นใจโกยเงินเข้ากระเป๋า 200 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีนี้ที่ 30%
นายบุญยิ่ง คงอาชาภัทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูแวลูร์ โฮม อิมพรูฟเม้นท์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องใช้ภายในบ้านจากประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ โฮม อิมพรูฟเม้นท์ สโตร์ ภายใต้ชื่อ “ทรูแวลูร์” เปิดเผยถึงการลงทุนในปีหน้าว่า บริษัทฯเตรียมงบประมาณไว้กว่า 50 ล้านบาท สำหรับแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2-3 สาขาในปีหน้า จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 4 สาขา คือ ติวานนท์, ชลบุรี, พัทยา และภูเก็ต
โดยแต่ละสาขาที่จะเปิดใหม่นั้น มีลักษณะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ จะเน้นเปิดในกรุงเทพฯเป็นหลัก โดยทำเลที่จะเปิดนั้น จะต้องเป็นทำเลที่มีชาวต่างประเทศอยู่สูงหรือมีลูกค้าคนไทยระดับไฮเอนด์อาศัยอยู่เป็นหลัก ส่วนอีกหนึ่งสาขานั้นจะเปิดที่จังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมที่ได้ทดลองตลาดโดยการนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านริมปิงซูเปอร์มาร์เก็ต(เชียงใหม่) แล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณสาขาละ 10-15 ล้านบาท พื้นที่ขนาด 300-400 ตารางเมตร
นอกจากนี้บริษัทฯยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าในกลุ่มโมเดิร์นเทรดมากยิ่งขึ้น จากเดิมในขณะนี้มีจำหน่ายอยู่ประมาณ 16-17 สาขา ให้ครบ 50 สาขา ผ่านกลุ่มเดอะมอลล์ เซ็นทรัล และท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ตเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังได้มีการติดต่อกับผู้ผลิตโดยตรง และทำหน้าที่เป็นดิสทริบิวเตอร์อีกทางหนึ่งด้วย เริ่มจากผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาด “ซิมเปิ้ล กรีน” จากประเทศสหรัฐอเมริกาในปี้นี้ ส่วนในปีหน้านั้นจะมีการเพิ่มไลน์การเป็นดิสทริบิวเตอร์อีก โดยจะยังคงเน้นแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มเฮาส์แบรนด์และอุปกรณ์ทำขนม เป็นหลัก
นายบุญยิ่ง ยังได้กล่าวถึงผลประกอบในปีนี้อีกด้วยว่า เป้ารายได้ในปีนี้ที่วางไว้กว่า 150 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะเป็นไปตามเป้า ถึงแม้ว่าขณะนี้สาขาในกรุงเทพฯจะมีรายได้เฉลี่ยลดลง 15% จากผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นในปีนี้ แต่ขณะเดียวกัน สาขาต่างจังหวัดกลับมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15% เช่นเดียวกัน จึงทำให้โดยภาพรวม คาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้
ส่วนผลประกอบการในปีหน้านั้น จากการที่บริษัทฯเน้นการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น คาดว่ารายได้จะเติบโตสูงถึง 30% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท มาจากสินค้า 5 กลุ่มหลัก คือ สินค้าฮาร์ดแวร์ และ โปรเฟสชันนอล ทูล เช่น ลูกบิดประตู และเครื่องมือช่างต่างๆ 30%, เฮาส์แวร์ เช่น น้ำยาทำความสะอาด,อุปกรณ์ครัว 40% และอุปกรณ์สวนและอุปกรณ์ดูแลรักษารถและเรือ รวมกันอีก 30%
นายบุญยิ่ง คงอาชาภัทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูแวลูร์ โฮม อิมพรูฟเม้นท์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องใช้ภายในบ้านจากประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ โฮม อิมพรูฟเม้นท์ สโตร์ ภายใต้ชื่อ “ทรูแวลูร์” เปิดเผยถึงการลงทุนในปีหน้าว่า บริษัทฯเตรียมงบประมาณไว้กว่า 50 ล้านบาท สำหรับแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2-3 สาขาในปีหน้า จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 4 สาขา คือ ติวานนท์, ชลบุรี, พัทยา และภูเก็ต
โดยแต่ละสาขาที่จะเปิดใหม่นั้น มีลักษณะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ จะเน้นเปิดในกรุงเทพฯเป็นหลัก โดยทำเลที่จะเปิดนั้น จะต้องเป็นทำเลที่มีชาวต่างประเทศอยู่สูงหรือมีลูกค้าคนไทยระดับไฮเอนด์อาศัยอยู่เป็นหลัก ส่วนอีกหนึ่งสาขานั้นจะเปิดที่จังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมที่ได้ทดลองตลาดโดยการนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านริมปิงซูเปอร์มาร์เก็ต(เชียงใหม่) แล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณสาขาละ 10-15 ล้านบาท พื้นที่ขนาด 300-400 ตารางเมตร
นอกจากนี้บริษัทฯยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าในกลุ่มโมเดิร์นเทรดมากยิ่งขึ้น จากเดิมในขณะนี้มีจำหน่ายอยู่ประมาณ 16-17 สาขา ให้ครบ 50 สาขา ผ่านกลุ่มเดอะมอลล์ เซ็นทรัล และท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ตเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังได้มีการติดต่อกับผู้ผลิตโดยตรง และทำหน้าที่เป็นดิสทริบิวเตอร์อีกทางหนึ่งด้วย เริ่มจากผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาด “ซิมเปิ้ล กรีน” จากประเทศสหรัฐอเมริกาในปี้นี้ ส่วนในปีหน้านั้นจะมีการเพิ่มไลน์การเป็นดิสทริบิวเตอร์อีก โดยจะยังคงเน้นแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มเฮาส์แบรนด์และอุปกรณ์ทำขนม เป็นหลัก
นายบุญยิ่ง ยังได้กล่าวถึงผลประกอบในปีนี้อีกด้วยว่า เป้ารายได้ในปีนี้ที่วางไว้กว่า 150 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะเป็นไปตามเป้า ถึงแม้ว่าขณะนี้สาขาในกรุงเทพฯจะมีรายได้เฉลี่ยลดลง 15% จากผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นในปีนี้ แต่ขณะเดียวกัน สาขาต่างจังหวัดกลับมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15% เช่นเดียวกัน จึงทำให้โดยภาพรวม คาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้
ส่วนผลประกอบการในปีหน้านั้น จากการที่บริษัทฯเน้นการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น คาดว่ารายได้จะเติบโตสูงถึง 30% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท มาจากสินค้า 5 กลุ่มหลัก คือ สินค้าฮาร์ดแวร์ และ โปรเฟสชันนอล ทูล เช่น ลูกบิดประตู และเครื่องมือช่างต่างๆ 30%, เฮาส์แวร์ เช่น น้ำยาทำความสะอาด,อุปกรณ์ครัว 40% และอุปกรณ์สวนและอุปกรณ์ดูแลรักษารถและเรือ รวมกันอีก 30%