ลังโคมชี้ตลาดรวมน้ำหอมและเครื่องสำอางปีนี้โตน้อยเพราะได้รับผลพวงเศรษฐกิจ ในส่วนของลังโคมได้รับผลกระทบน้อย เผยลูกค้าควักเงินซื้อเพิ่มขึ้นแต่ความถี่ลดลง สบช่องช่วงเทศกาลส่งน้ำหอมใหม่ “มิราเคิล ฟอร์เอเวอร์” ลุยตลาดไทยเป็นแห่งแรกในเอเชีย เจาะสาววัยทำงาน พร้อมทำตลาดน้ำหอมผ่านสื่อทีวีเป็นครั้งแรก
นางสาวอภิญญา เศวตาศัย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ลังโคม แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมน้ำหอมในไทยปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 5% ซึ่งถือว่าเติบโตน้อยกว่าปีก่อนที่โต 10% เพราะปีนี้มีปัจจัยลบมากทั้งจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน ขณะที่ตลาดรวมเครื่องสำอางปีนี้ก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวจึงทำให้ภาพรวมตลาดเติบโตไม่มาก ในส่วนของลังโคมไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก สังเกตได้จากปีนี้ลังโคมมีการเปิดตัวสินค้าราคาสูงและผู้บริโภคก็ยังให้การตอบรับดี โดยพบว่าค่าใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้ามีสูงขึ้น แต่ความถี่ในการซื้อของลูกค้าอาจลดลงไปบ้าง
ล่าสุดลังโคมได้เปิดตัวน้ำหอมใหม่ “มิราเคิล ฟอร์เอเวอร์ (Miracle Forever)” ในประเทศไทยเป็นที่แรกในเอเชีย เนื่องจากตลาดไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยสร้างยอดขายสูงสุดในย่านอาเซียน รองลงมาเป็นมาเลเซียและสิงคโปร์ อีกทั้งการที่คนไทยให้ความสำคัญกับการช่วงเทศกาลต่างๆและนิยมซื้อน้ำหอมให้เป็นของขวัญในงานเทศกาล ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เปิดตัวน้ำหอมในช่วงนี้
พร้อมกันนี้ลังโคมยังได้มีการสื่อโฆษณา “มิราเคิล ฟอร์เอเวอร์” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาเป็นครั้งแรก เนื่องจากพบว่าผลิตภัณฑ์น้ำหอมเป็นตัวบ่งบอกอารมณ์ของผู้ใช้จึงต้องสื่อผ่านทางช่องทางดังกล่าว โดยโฆษณาชุดนี้ได้นักแสดงสาวจากฮอลลีวู้ด “ชาลอม ฮาโรว์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ซึ่งเริ่มออกออกอากาศวันแรกไปเมื่อวันอังคารที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาในช่วงเวลาไพร์มไทม์ของทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และช่อง 7
ทั้งนี้น้ำหอมมิราเคิล ฟอร์เอเวอร์จะมีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 2,300 บาทและ75 มิลลิลิตรราคา 2,600 บาท กลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นผู้หญิงวัยทำงานและผู้ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง นอกจากนี้ในกลุ่มมิราเคิลยังมีน้ำหอมอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ มิราเคิล เน้นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในงานและมิราเคิล โซ เมจิค เจาะกลุ่มวัยรุ่น
“ในส่วนภาพรวมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางลังโคมปีนี้พบว่าเหนื่อยกว่าทุกปี เนื่องมาจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาของปีบริษัทฯจึงได้มีการทำตลาดและเปิดตัวสินค้าอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในกลุ่มสกินแคร์และเมคอัพ ซึ่งถือว่ากลุ่มที่สร้างยอดรายได้ให้ลังโคมอันดับ 1และ 2 ตามลำดับ และอันดับ 3 คือ น้ำหอม”
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำหอมในปีหน้าคาดการณ์ว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้หรือเติบโตมากกว่า5% ส่วนตลาดเครื่องสำอางระดับบนคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าปีนี้เช่นกัน
นางสาวอภิญญา เศวตาศัย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ลังโคม แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมน้ำหอมในไทยปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 5% ซึ่งถือว่าเติบโตน้อยกว่าปีก่อนที่โต 10% เพราะปีนี้มีปัจจัยลบมากทั้งจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน ขณะที่ตลาดรวมเครื่องสำอางปีนี้ก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวจึงทำให้ภาพรวมตลาดเติบโตไม่มาก ในส่วนของลังโคมไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก สังเกตได้จากปีนี้ลังโคมมีการเปิดตัวสินค้าราคาสูงและผู้บริโภคก็ยังให้การตอบรับดี โดยพบว่าค่าใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้ามีสูงขึ้น แต่ความถี่ในการซื้อของลูกค้าอาจลดลงไปบ้าง
ล่าสุดลังโคมได้เปิดตัวน้ำหอมใหม่ “มิราเคิล ฟอร์เอเวอร์ (Miracle Forever)” ในประเทศไทยเป็นที่แรกในเอเชีย เนื่องจากตลาดไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยสร้างยอดขายสูงสุดในย่านอาเซียน รองลงมาเป็นมาเลเซียและสิงคโปร์ อีกทั้งการที่คนไทยให้ความสำคัญกับการช่วงเทศกาลต่างๆและนิยมซื้อน้ำหอมให้เป็นของขวัญในงานเทศกาล ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เปิดตัวน้ำหอมในช่วงนี้
พร้อมกันนี้ลังโคมยังได้มีการสื่อโฆษณา “มิราเคิล ฟอร์เอเวอร์” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาเป็นครั้งแรก เนื่องจากพบว่าผลิตภัณฑ์น้ำหอมเป็นตัวบ่งบอกอารมณ์ของผู้ใช้จึงต้องสื่อผ่านทางช่องทางดังกล่าว โดยโฆษณาชุดนี้ได้นักแสดงสาวจากฮอลลีวู้ด “ชาลอม ฮาโรว์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ซึ่งเริ่มออกออกอากาศวันแรกไปเมื่อวันอังคารที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาในช่วงเวลาไพร์มไทม์ของทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และช่อง 7
ทั้งนี้น้ำหอมมิราเคิล ฟอร์เอเวอร์จะมีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 2,300 บาทและ75 มิลลิลิตรราคา 2,600 บาท กลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นผู้หญิงวัยทำงานและผู้ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง นอกจากนี้ในกลุ่มมิราเคิลยังมีน้ำหอมอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ มิราเคิล เน้นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในงานและมิราเคิล โซ เมจิค เจาะกลุ่มวัยรุ่น
“ในส่วนภาพรวมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางลังโคมปีนี้พบว่าเหนื่อยกว่าทุกปี เนื่องมาจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาของปีบริษัทฯจึงได้มีการทำตลาดและเปิดตัวสินค้าอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในกลุ่มสกินแคร์และเมคอัพ ซึ่งถือว่ากลุ่มที่สร้างยอดรายได้ให้ลังโคมอันดับ 1และ 2 ตามลำดับ และอันดับ 3 คือ น้ำหอม”
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำหอมในปีหน้าคาดการณ์ว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้หรือเติบโตมากกว่า5% ส่วนตลาดเครื่องสำอางระดับบนคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าปีนี้เช่นกัน