อสมท ไร้คนเก่งคู่บุญระบอบทักษิณ "มิ่งขวัญ" แบะท่าอยากหวนคืนรังเก่า อสมท หยั่งท่าทีให้ดูที่คุณสมบัติของผู้สมัครหากไม่มีปัญหาก็ยินดี สอดรับกับ “ธีรภัทร” ยันรัฐบาลไม่ปิดทาง ด้านทีมกฎหมายยันตามสัญญาว่าจ้างถือว่าการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ได้มีการยื่น แต่ขอเวลาสรุปข้อมูลทางด้านกฎหมายอีกครั้ง ขณะกรณีการทำผิดสัญญาของ"ไร่ส้ม"ได้รับเงินค่าเสียหายเต็มจำนวนแล้ว รักษาการ ผอ.ยืนยันยังไม่มีการปรับผังรายการในเร็วๆนี้ ด้านสปน.ยันเดินหน้าไล่เช็คบิลไอทีวี "จุลยุทธ" ย้ำบอร์ดชุดอื้อฉาวสมัยเพื่อนแม้ว เนวินไม่มีอำนาจแต่งตั้ง
วานนี้ (26 ต.ค.) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อให้ที่ประชุมรับทราบการลาออกของคณะกรรมการบริษัทชุดก่อนพร้อมพิจารณาเลือกคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกมาซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศลาออกของทีมคณะกรรมการบริษัทและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT กล่าวว่าการจะกลับเข้ามาเป็นกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทอีกครั้งหรือไม่นั้นต้องรอการพิจารณาในเรื่องคุณสมบัติของบุคคลที่จะเข้ามาสมัครก่อนว่าตนเองจะมีคุณสมบัติหรือไม่ แต่ส่วนตัวยินดีที่จะกลับเข้ามารับตำแหน่งอีกครั้งหากสามารถทำได้แต่คงต้องให้กระทรวงการคลังผู้ถือหุ้นใหญ่พิจารณาด้วย
"ถ้าจะให้กลับมาผมก็ยินดี ผมรักและผูกผันกับบริษัทนี้เพราะผมทำงานมาตลอด 4 ปีกับอีก 1 เดือนทุกอย่างที่ผมทำอยู่บนบรรทัดฐานว่าผลประโยชน์จะต้องตกอยู่ที่ผู้ถือหุ้น และพนักงานของบริษัทเป็นหลัก ส่วนเรื่องผลกระทบที่เกิดกับผู้ถือหุ้นหลังจากผมลาออกจากตำแหน่งอยากจะบอกว่าการทำงานของผู้บริหารแต่ละรายมีสไตล์ที่แตกต่างกันผมมีสไตล์ของผมคนใหม่ก็จะต้องมีสไตล์ของเค้าเอง"นายมิ่งขวัญกล่าว
ในส่วนของกระแสที่ระบุว่าตนเองมีการขายหุ้น MCOT ก่อนที่จะประกาศลาออกมาจากตำแหน่งขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารงานให้กับอสมทยังไม่เคยมีการขายหุ้นออกมาแม้แต่หุ้นเดียว โดยหุ้นที่ตนเองถือครองได้มาจากการจัดสรรให้ตามสัดส่วนก่อนการกระจายหุ้นให้กับประชาชนขณะนี้คณะกรรมการของบริษัททุกคนไม่มีการรับสิทธิในการซื้อหุ้นตามสัดส่วนดังกล่าว โดยในวันนี้ตนเองจะต้องยื่นแสดงรายการทรัพย์สินภายหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่ง
"ผมอยากจะฝากคนที่จะเข้ามาบริหารงานต่อว่า สิ่งที่ต่างๆที่อยู่ในองค์กรนี้สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นมูลค่าได้อีกมาก ตอนที่ผมเข้ามาหุ้นเสนอขายให้ประชาชนในราคาหุ้นละ 22 บาทแต่ช่วงที่ผ่านมาเคยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 42 บาทมาร์เกตแคปเคยปรับขึ้นไปถึงกว่า 2.8 หมื่นล้านบาททำให้ถูกอยู่กลุ่มหุ้นบลูชิพ"นายมิ่งขวัญกล่าว
ตามสัญญาถือว่าลาออกแล้ว
นายธนะชัย วงศ์ทองศรี รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักกฎหมายและเลขานุการ กล่าวว่า ขั้นตอนในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ขณะนี้จะต้องรอให้คณะกรรมการที่บริษัทจะแต่งตั้งขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาอีกครั้งก่อนที่จะเปิดรับผู้ที่จะเข้ามาสมัครเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อสมท
ทั้งนี้ กรณีการยื่นใบลาออกของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ตามระเบียบระบุจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลง หรือถูกเลิกสัญญา หรือขาดการประชุมคณะกรรมการเกินสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเท่ากับว่าการลาออกของนายมิ่งขวัญถือว่ามีผลถึงที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ได้มีการยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออก
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า การลาออกของคณะกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่นั้นบุคคลใดเป็นผู้ลงนามอนุมัติการลาออก ซึ่งตามกฎระเบียบระบุว่าการลาออกของกรรมการนั้นจะสิ้นสุดเมื่อมีการลาออกโดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับอนุมัติ แต่ในกรณีผู้อำนวยการใหญ่คงต้องรอการศึกษาในแง่กฎหมายก่อนว่าจะสรุปในเรื่องดังกล่าวอย่างไร จะต้องมีการรับรองจากผู้ที่มีอำนาจลงนามในตำแหน่งที่สูงกว่าหรือไม่
"คงต้องรอให้มีการสรุปในแง่กฎหมายก่อนว่าการลาออกมีผลอย่างไร แต่หากพิจารณาตามสัญญาว่าจ้างการเข้ามาเป็นผู้อำนวยการใหญ่จะต้องถือว่าการลาออกมาผลตั้งแต่วันที่มีการยื่นใบลาออก"นายธนะชัยกล่าว
สำหรับวาระในการทำงานของคณะกรรมการบริษัทตามกฎข้อบังคับจะต้องมีการลาออกจำนวน 1 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการบริษัททั้งหมดในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี แต่สามารถให้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อได้ ขณะที่ตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่การต่อวาระจะทำได้ 2 สัญญา
เดินหน้าหาคนผิด"ไร่ส้ม"
นายมิ่งขวัญ กล่าวถึง กรณีการทำผิดสัญญาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด(คู่สัญญา)กับอสมทในกรณีที่มีการเลื่อมล้ำเวลาโฆษณาซึ่งเกิดในช่วงที่ตนเองยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อยู่ว่า เรื่องดังกล่าวขณะนี้บริษัทไร่ส้มได้จ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเต็มจำนวนตามการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งรวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีแล้วว่า 150 ล้านบาทโดยไม่ได้รับส่วนลดตามที่คู่สัญญาร้องขอ
ในส่วนของการดำเนินงานในแง่ของบุคคลที่กระทำผิดจะต้องให้เวลาในการพิสูจน์ตามหลักฐานก่อนว่าจะได้ข้อสรุปออกมาเช่นไร ทั้งในส่วนของพนักงานบริษัทคู่สัญญาและพนักงานอสมท
"ต้องแยกออกเป็น 2 กรณีตอนนี้ในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก็ได้รับการชดใช้เรียบร้อยแล้วเท่ากับว่าผู้ถือหุ้นไม่เสียประโยชน์ ส่วนเรื่องจะดำเนินการอย่างไรในแง่ของตัวบุคคลจะต้องรอการพิสูจน์เพื่อหาหลักฐานอีกครั้ง"นายมิ่งขวัญกล่าว
ยืนยันยังไม่มีการปรับผัง
นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า โมเดิลไนน์ทีวีมีแผนที่จะปรับรูปแบบรายการบางส่วนในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการปรับผังรายการปกติจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีน่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ จะต้องรอให้คณะกรรมการบริษัทและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ก่อน โดยในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตรายการทั้งรายใหม่และเก่าได้เข้ามานำเสนอรายการต่อสถานีค่อนข้างมาก ซึ่งหลายรายการเป็นรายการที่น่าสนใจและน่าจะสร้างผลตอบแทนให้กับสถานีได้
"การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของบริษัทไม่ส่งผลต่อเอเจนซี่และผู้ผลิตรายการ เนื่องจากยังมีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงในเรื่องผังรายการในตอนนี้แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบบ้างเล็กน้อยเท่านั้น"นายชิตณรงค์กล่าว
กบข.โว้ยหนังสือเชิญประชุมช้า
บรรยากาศระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นตลอดระยะเวลาในการประชุมผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งให้ความสนใจกับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ต่อจากนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ที่ลาออกไปได้เสนอที่ประชุมเพื่อให้มีการพิจารณาเลือกสรรให้นายมิ่งขวัญกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อีกครั้ง
โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยรายหนึ่งกล่าวว่า การลาออกของนายมิ่งขวัญส่งผลกระทบที่ค่อนข้างมากับราคาหุ้นโดยเพียงไม่กี่วันหลังการประกาศลาออกราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปกว่า 10 บาททำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นบางส่วนยังสอบถามคณะกรรมสรรหาที่ได้คัดเลือก 10 ผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัทว่าจะมีการคัดเลือกอย่างไรและทำไมไม่มีการนำคณะกรรมการชุดเดิมกลับเข้ามาพิจารณาอีกครั้ง
ด้านผู้ถือหุ้นตัวแทนจากกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. กล่าวท้วงติงการทำงานก่อนการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการจัดส่งเอกสารเพื่อเชิญประชุมล่าช้าในเรื่องการส่งวาระในการพิจารณามาให้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเนื่องจากจะต้องมีการใช้เพื่อพิจารณาประกอบก่อนการเข้าร่วมประชุม ซึ่งจริงๆแล้วกบข.ควรจะต้องลงมติไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาในครั้งนี้
ธีรภัทรพูดแปลกรัฐบาลไม่ปิดทาง
นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า ให้บอร์ดใหม่เป็นผู้รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนนายมิ่งขวัญ สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้หรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ถ้ามันไม่ติดขัดข้อกฎหมายก็ทำได้ แต่ถ้าติดขัดข้อกฎหมายก็สมัครใหม่ไม่ได้ก็เท่านั้น คือดูที่กฎหมาย
“เราไม่ได้ปิดโอกาส ถ้าไม่ติดขัดข้อกฎหมาย ใครที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายก็สามารถเข้าสู่การแข่งขันในกระบวนการสรรหาที่ถูกต้องได้”
มิ่งขวัญ รีเทิร์น เหมาะสม?
เป็นที่ทราบกันดีว่า นายมิ่งขวัญต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อสมท ก็เพราะทนกระแสกดดันไม่ไหวกรณีถูกวิพากษ์ว่าเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณจนวินาทีสุดท้าย หลังจากช่อง 9 เป็นทีวีช่องเดียวที่ยอมปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกอากาศอ่านคำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในคืนวันที่ 19 ก.ย. วันรัฐประหาร ขณะที่ทีวีช่องอื่นๆต่างได้รับการร้องขอให้ถ่ายทอดสัญญานของคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) จนสร้างความสับสนกับประชาชนเป็นอย่างมากและหากคืนนั้นอสมท.ดำเนินการถ่ายทอดเสียงของอดีตนายกฯต่อจนจบ หลายฝ่ายคาดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนหลายคนเห็นว่า เป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก การลาออกจากตำแหน่งยังน้อยไปที่จะแสดงความรับผิดชอบ
วานนี้ (26 ต.ค.) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อให้ที่ประชุมรับทราบการลาออกของคณะกรรมการบริษัทชุดก่อนพร้อมพิจารณาเลือกคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกมาซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศลาออกของทีมคณะกรรมการบริษัทและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT กล่าวว่าการจะกลับเข้ามาเป็นกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทอีกครั้งหรือไม่นั้นต้องรอการพิจารณาในเรื่องคุณสมบัติของบุคคลที่จะเข้ามาสมัครก่อนว่าตนเองจะมีคุณสมบัติหรือไม่ แต่ส่วนตัวยินดีที่จะกลับเข้ามารับตำแหน่งอีกครั้งหากสามารถทำได้แต่คงต้องให้กระทรวงการคลังผู้ถือหุ้นใหญ่พิจารณาด้วย
"ถ้าจะให้กลับมาผมก็ยินดี ผมรักและผูกผันกับบริษัทนี้เพราะผมทำงานมาตลอด 4 ปีกับอีก 1 เดือนทุกอย่างที่ผมทำอยู่บนบรรทัดฐานว่าผลประโยชน์จะต้องตกอยู่ที่ผู้ถือหุ้น และพนักงานของบริษัทเป็นหลัก ส่วนเรื่องผลกระทบที่เกิดกับผู้ถือหุ้นหลังจากผมลาออกจากตำแหน่งอยากจะบอกว่าการทำงานของผู้บริหารแต่ละรายมีสไตล์ที่แตกต่างกันผมมีสไตล์ของผมคนใหม่ก็จะต้องมีสไตล์ของเค้าเอง"นายมิ่งขวัญกล่าว
ในส่วนของกระแสที่ระบุว่าตนเองมีการขายหุ้น MCOT ก่อนที่จะประกาศลาออกมาจากตำแหน่งขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารงานให้กับอสมทยังไม่เคยมีการขายหุ้นออกมาแม้แต่หุ้นเดียว โดยหุ้นที่ตนเองถือครองได้มาจากการจัดสรรให้ตามสัดส่วนก่อนการกระจายหุ้นให้กับประชาชนขณะนี้คณะกรรมการของบริษัททุกคนไม่มีการรับสิทธิในการซื้อหุ้นตามสัดส่วนดังกล่าว โดยในวันนี้ตนเองจะต้องยื่นแสดงรายการทรัพย์สินภายหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่ง
"ผมอยากจะฝากคนที่จะเข้ามาบริหารงานต่อว่า สิ่งที่ต่างๆที่อยู่ในองค์กรนี้สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นมูลค่าได้อีกมาก ตอนที่ผมเข้ามาหุ้นเสนอขายให้ประชาชนในราคาหุ้นละ 22 บาทแต่ช่วงที่ผ่านมาเคยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 42 บาทมาร์เกตแคปเคยปรับขึ้นไปถึงกว่า 2.8 หมื่นล้านบาททำให้ถูกอยู่กลุ่มหุ้นบลูชิพ"นายมิ่งขวัญกล่าว
ตามสัญญาถือว่าลาออกแล้ว
นายธนะชัย วงศ์ทองศรี รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักกฎหมายและเลขานุการ กล่าวว่า ขั้นตอนในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ขณะนี้จะต้องรอให้คณะกรรมการที่บริษัทจะแต่งตั้งขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาอีกครั้งก่อนที่จะเปิดรับผู้ที่จะเข้ามาสมัครเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อสมท
ทั้งนี้ กรณีการยื่นใบลาออกของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ตามระเบียบระบุจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลง หรือถูกเลิกสัญญา หรือขาดการประชุมคณะกรรมการเกินสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเท่ากับว่าการลาออกของนายมิ่งขวัญถือว่ามีผลถึงที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ได้มีการยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออก
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า การลาออกของคณะกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่นั้นบุคคลใดเป็นผู้ลงนามอนุมัติการลาออก ซึ่งตามกฎระเบียบระบุว่าการลาออกของกรรมการนั้นจะสิ้นสุดเมื่อมีการลาออกโดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับอนุมัติ แต่ในกรณีผู้อำนวยการใหญ่คงต้องรอการศึกษาในแง่กฎหมายก่อนว่าจะสรุปในเรื่องดังกล่าวอย่างไร จะต้องมีการรับรองจากผู้ที่มีอำนาจลงนามในตำแหน่งที่สูงกว่าหรือไม่
"คงต้องรอให้มีการสรุปในแง่กฎหมายก่อนว่าการลาออกมีผลอย่างไร แต่หากพิจารณาตามสัญญาว่าจ้างการเข้ามาเป็นผู้อำนวยการใหญ่จะต้องถือว่าการลาออกมาผลตั้งแต่วันที่มีการยื่นใบลาออก"นายธนะชัยกล่าว
สำหรับวาระในการทำงานของคณะกรรมการบริษัทตามกฎข้อบังคับจะต้องมีการลาออกจำนวน 1 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการบริษัททั้งหมดในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี แต่สามารถให้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อได้ ขณะที่ตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่การต่อวาระจะทำได้ 2 สัญญา
เดินหน้าหาคนผิด"ไร่ส้ม"
นายมิ่งขวัญ กล่าวถึง กรณีการทำผิดสัญญาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด(คู่สัญญา)กับอสมทในกรณีที่มีการเลื่อมล้ำเวลาโฆษณาซึ่งเกิดในช่วงที่ตนเองยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อยู่ว่า เรื่องดังกล่าวขณะนี้บริษัทไร่ส้มได้จ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเต็มจำนวนตามการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งรวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีแล้วว่า 150 ล้านบาทโดยไม่ได้รับส่วนลดตามที่คู่สัญญาร้องขอ
ในส่วนของการดำเนินงานในแง่ของบุคคลที่กระทำผิดจะต้องให้เวลาในการพิสูจน์ตามหลักฐานก่อนว่าจะได้ข้อสรุปออกมาเช่นไร ทั้งในส่วนของพนักงานบริษัทคู่สัญญาและพนักงานอสมท
"ต้องแยกออกเป็น 2 กรณีตอนนี้ในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก็ได้รับการชดใช้เรียบร้อยแล้วเท่ากับว่าผู้ถือหุ้นไม่เสียประโยชน์ ส่วนเรื่องจะดำเนินการอย่างไรในแง่ของตัวบุคคลจะต้องรอการพิสูจน์เพื่อหาหลักฐานอีกครั้ง"นายมิ่งขวัญกล่าว
ยืนยันยังไม่มีการปรับผัง
นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า โมเดิลไนน์ทีวีมีแผนที่จะปรับรูปแบบรายการบางส่วนในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการปรับผังรายการปกติจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีน่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ จะต้องรอให้คณะกรรมการบริษัทและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ก่อน โดยในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตรายการทั้งรายใหม่และเก่าได้เข้ามานำเสนอรายการต่อสถานีค่อนข้างมาก ซึ่งหลายรายการเป็นรายการที่น่าสนใจและน่าจะสร้างผลตอบแทนให้กับสถานีได้
"การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของบริษัทไม่ส่งผลต่อเอเจนซี่และผู้ผลิตรายการ เนื่องจากยังมีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงในเรื่องผังรายการในตอนนี้แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบบ้างเล็กน้อยเท่านั้น"นายชิตณรงค์กล่าว
กบข.โว้ยหนังสือเชิญประชุมช้า
บรรยากาศระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นตลอดระยะเวลาในการประชุมผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งให้ความสนใจกับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ต่อจากนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ที่ลาออกไปได้เสนอที่ประชุมเพื่อให้มีการพิจารณาเลือกสรรให้นายมิ่งขวัญกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อีกครั้ง
โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยรายหนึ่งกล่าวว่า การลาออกของนายมิ่งขวัญส่งผลกระทบที่ค่อนข้างมากับราคาหุ้นโดยเพียงไม่กี่วันหลังการประกาศลาออกราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปกว่า 10 บาททำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นบางส่วนยังสอบถามคณะกรรมสรรหาที่ได้คัดเลือก 10 ผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัทว่าจะมีการคัดเลือกอย่างไรและทำไมไม่มีการนำคณะกรรมการชุดเดิมกลับเข้ามาพิจารณาอีกครั้ง
ด้านผู้ถือหุ้นตัวแทนจากกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. กล่าวท้วงติงการทำงานก่อนการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการจัดส่งเอกสารเพื่อเชิญประชุมล่าช้าในเรื่องการส่งวาระในการพิจารณามาให้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเนื่องจากจะต้องมีการใช้เพื่อพิจารณาประกอบก่อนการเข้าร่วมประชุม ซึ่งจริงๆแล้วกบข.ควรจะต้องลงมติไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาในครั้งนี้
ธีรภัทรพูดแปลกรัฐบาลไม่ปิดทาง
นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า ให้บอร์ดใหม่เป็นผู้รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนนายมิ่งขวัญ สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้หรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ถ้ามันไม่ติดขัดข้อกฎหมายก็ทำได้ แต่ถ้าติดขัดข้อกฎหมายก็สมัครใหม่ไม่ได้ก็เท่านั้น คือดูที่กฎหมาย
“เราไม่ได้ปิดโอกาส ถ้าไม่ติดขัดข้อกฎหมาย ใครที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายก็สามารถเข้าสู่การแข่งขันในกระบวนการสรรหาที่ถูกต้องได้”
มิ่งขวัญ รีเทิร์น เหมาะสม?
เป็นที่ทราบกันดีว่า นายมิ่งขวัญต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อสมท ก็เพราะทนกระแสกดดันไม่ไหวกรณีถูกวิพากษ์ว่าเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณจนวินาทีสุดท้าย หลังจากช่อง 9 เป็นทีวีช่องเดียวที่ยอมปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกอากาศอ่านคำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในคืนวันที่ 19 ก.ย. วันรัฐประหาร ขณะที่ทีวีช่องอื่นๆต่างได้รับการร้องขอให้ถ่ายทอดสัญญานของคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) จนสร้างความสับสนกับประชาชนเป็นอย่างมากและหากคืนนั้นอสมท.ดำเนินการถ่ายทอดเสียงของอดีตนายกฯต่อจนจบ หลายฝ่ายคาดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนหลายคนเห็นว่า เป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก การลาออกจากตำแหน่งยังน้อยไปที่จะแสดงความรับผิดชอบ