ตลาดหนังสือปีนี้เจอศึกหนัก ปีนี้คาดเติบโตสูงสุดไม่เกิน 10% เหตุปัจจัยลบรุมเร้าตลอดปี สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯเร่งเครื่องโค้งสุดท้ายจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 11 ขึ้น หวังกระตุ้นการเติบโตแต่หวั่นปัญหาน้ำท่วมจะเป็นอุปสรรค ทำให้คนต่างจังหวัดแห่เข้าชมงานน้อย ยังเชื่อมั่นมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 ล้านคน เท่าปีที่ผ่านมา
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร เลขาธิการ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยเจอกับปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งราคาน้ำมัน ปัญหาทางการเมือง ซึ่งอาจจะเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว หรือแม้แต่ปัญหาภัยทางธรรมชาติ อย่างปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ซึ่งรุนแรงมาก ล้วนแต่ส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจเกือบทุกฝ่าย รวมไปถึงตลาดหนังสือก็เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าในปีนี้ตลาดหนังสือทั่วไปจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดไม่เกิน 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการเองนั้น ปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอีเกิดขึ้นจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนหนึ่งได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยกว่า 80-90 ราย รวมขณะนี้ทางสมาคมฯมีจำนวนสมาชิกกว่า 540 ราย แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดตัวลงไปเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ
ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้ ทางสมาคมฯจึงได้มีการ จัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 11 (Book Expo Thailand 2006) ขึ้น ระหว่างวันที่ 18-29 ตุลาคม 2549 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตลาดเติบโตไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ โดยการจัดงานในปีนี้ มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 383 ราย รวม 827 บูท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเพียงเล็กน้อย จากจำนวน 350 ราย รวม 811 บูท กับจำนวนพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2 หมื่นตารางเมตร ซึ่งจำนวนผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากฐานสมาชิกใหม่ของสมาคมฯนั้นเอง
สำหรับไฮไลท์ภายในงานปีนี้ ทางสมาคมฯได้จัดนิทรรศการ “พ่อสอนอ่าน” ขึ้น ซึ่งเป็นการนำเสนอรูปแบบงานนิทรรศการ พร้อมอัญเชิญพระราชดำรัสฯ ด้านการอ่าน 57 องค์จัดพิมพ์เป็นหนังสือ “พ่อสอนอ่าน”ในจำนวนจำกัดเพียง 20,000 เล่ม จำหน่ายเฉพาะภายในงาน ราคาเล่มละ 99 บาท
นายวรพันธ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้คาดว่าภายในงานจะมีผู้เข้าร่วมงานใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือมีอัตราใกล้เคียงกัน ซึ่งในความเป็นจริงน่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากขณะนี้หลายๆจังหวัดกำลังประสบภัยน้ำท่วม จึงคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่มาจากต่างจังหวัดจะลดลง ทำให้บรรยากาศภายในงานอาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควรก็เป็นได้ โดยตั้งเป้าหมายผู้เข้าชมงานในปีนี้ประมาณ 1 ล้านราย
อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้อ่านส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมงานในปีนี้ คาดว่าจะยังคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 15-26 ปี ที่ยังคงให้ความสนใจกับหมวดหนังสือประเภทพ๊อกเก็ตบุ๊ก กลุ่มวรรณกรรมและแนวนิยาย ขณะที่ประเภทหนังสือที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ยังคงเป็นกลุ่มพ๊อกเก็ตบุ๊ก รองลงมาคือ นวนิยายและหนังสือธรรมมะตามลำดับ
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร เลขาธิการ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยเจอกับปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งราคาน้ำมัน ปัญหาทางการเมือง ซึ่งอาจจะเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว หรือแม้แต่ปัญหาภัยทางธรรมชาติ อย่างปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ซึ่งรุนแรงมาก ล้วนแต่ส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจเกือบทุกฝ่าย รวมไปถึงตลาดหนังสือก็เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าในปีนี้ตลาดหนังสือทั่วไปจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดไม่เกิน 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการเองนั้น ปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอีเกิดขึ้นจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนหนึ่งได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยกว่า 80-90 ราย รวมขณะนี้ทางสมาคมฯมีจำนวนสมาชิกกว่า 540 ราย แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดตัวลงไปเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ
ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้ ทางสมาคมฯจึงได้มีการ จัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 11 (Book Expo Thailand 2006) ขึ้น ระหว่างวันที่ 18-29 ตุลาคม 2549 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตลาดเติบโตไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ โดยการจัดงานในปีนี้ มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 383 ราย รวม 827 บูท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเพียงเล็กน้อย จากจำนวน 350 ราย รวม 811 บูท กับจำนวนพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2 หมื่นตารางเมตร ซึ่งจำนวนผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากฐานสมาชิกใหม่ของสมาคมฯนั้นเอง
สำหรับไฮไลท์ภายในงานปีนี้ ทางสมาคมฯได้จัดนิทรรศการ “พ่อสอนอ่าน” ขึ้น ซึ่งเป็นการนำเสนอรูปแบบงานนิทรรศการ พร้อมอัญเชิญพระราชดำรัสฯ ด้านการอ่าน 57 องค์จัดพิมพ์เป็นหนังสือ “พ่อสอนอ่าน”ในจำนวนจำกัดเพียง 20,000 เล่ม จำหน่ายเฉพาะภายในงาน ราคาเล่มละ 99 บาท
นายวรพันธ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้คาดว่าภายในงานจะมีผู้เข้าร่วมงานใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือมีอัตราใกล้เคียงกัน ซึ่งในความเป็นจริงน่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากขณะนี้หลายๆจังหวัดกำลังประสบภัยน้ำท่วม จึงคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่มาจากต่างจังหวัดจะลดลง ทำให้บรรยากาศภายในงานอาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควรก็เป็นได้ โดยตั้งเป้าหมายผู้เข้าชมงานในปีนี้ประมาณ 1 ล้านราย
อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้อ่านส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมงานในปีนี้ คาดว่าจะยังคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 15-26 ปี ที่ยังคงให้ความสนใจกับหมวดหนังสือประเภทพ๊อกเก็ตบุ๊ก กลุ่มวรรณกรรมและแนวนิยาย ขณะที่ประเภทหนังสือที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ยังคงเป็นกลุ่มพ๊อกเก็ตบุ๊ก รองลงมาคือ นวนิยายและหนังสือธรรมมะตามลำดับ