กทท.เตรียมเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการจำกัดตู้สินค้าจาก 1 ล้านทีอียูเป็นไม่เกิน 1.5 ล้านทีอียู เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการด้านตะวันตก ขณะเดียวกันก็เตรียมขายซองประมูลเพื่อสนับสนุนการเป็น E-Port มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนการสรรหา ผอ.คนใหม่ จะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) รักษาการแทนผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า กทท.เตรียมเสนอรัฐบาลให้ทบทวนนโยบายจำกัดตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือกรุงเทพจากนโยบายเดิมที่จำกัดตู้สินค้าผ่านท่า 1 ล้านทีอียูเป็น ไม่เกิน 1.5 ล้านทีอียู เพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นไปตามความจำเป็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านตะวันตก เช่น สุขสวัสดิ์ ปู่เจ้าสมิงพราย นครปฐม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ท่าเรือกรุงเทพ โดย กทท.มั่นใจว่า จะไม่มีปัญหาการจราจรติดขัด เพราะหลังจากที่ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมสร้างเสร็จ ทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกและการจราจรคล่องตัวขึ้น
นายศิริ กล่าวด้วยว่า กทท.มีแผนในการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพฯให้เป็น E-Port มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเตรียมที่จะประกาศขายซองประมูลโครงการคอนเทนเนอร์แมเนจเมนต์ซิสเต็ม มูลค่า 130 ล้านบาท และได้มีการเปิดเชิญชวนให้เอกชนพัฒนาที่ดินรอบสำนักงาน กทท.จำนวน 88 ไร่ โดยรูปแบบต้องเกี่ยวข้องกับการท่าเรือ สัญญา 3-5 ปี ซึ่งจะปิดรับข้อเสนอประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนการสรรหาผู้อำนวยการ กทท. ในวันนี้คณะกรรมการ กทท. ได้มีการเห็นชอบให้เจรจาเรื่องเงินเดือนกับบุคคลที่ได้รับการคัดสรรเป็นอันดับ 1 จากจำนวนผู้ได้รับการคัดสรรทั้งสิ้น 3 คน โดยจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนนับตั้งแต่วันนี้ และจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2549 มีรายได้ 7,909 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย 4,725 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,426 ล้านบาท โดยในปีนี้ กทท.มีค่าใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การปรับอัตราค่าจ้างร้อยละ 8 และค่าใช้จ่ายจากการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อย่างไรก็ตาม กทท.มั่นใจว่า ในปี 2554 กทท.จะมีรายได้ถึง 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) รักษาการแทนผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า กทท.เตรียมเสนอรัฐบาลให้ทบทวนนโยบายจำกัดตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือกรุงเทพจากนโยบายเดิมที่จำกัดตู้สินค้าผ่านท่า 1 ล้านทีอียูเป็น ไม่เกิน 1.5 ล้านทีอียู เพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นไปตามความจำเป็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านตะวันตก เช่น สุขสวัสดิ์ ปู่เจ้าสมิงพราย นครปฐม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ท่าเรือกรุงเทพ โดย กทท.มั่นใจว่า จะไม่มีปัญหาการจราจรติดขัด เพราะหลังจากที่ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมสร้างเสร็จ ทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกและการจราจรคล่องตัวขึ้น
นายศิริ กล่าวด้วยว่า กทท.มีแผนในการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพฯให้เป็น E-Port มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเตรียมที่จะประกาศขายซองประมูลโครงการคอนเทนเนอร์แมเนจเมนต์ซิสเต็ม มูลค่า 130 ล้านบาท และได้มีการเปิดเชิญชวนให้เอกชนพัฒนาที่ดินรอบสำนักงาน กทท.จำนวน 88 ไร่ โดยรูปแบบต้องเกี่ยวข้องกับการท่าเรือ สัญญา 3-5 ปี ซึ่งจะปิดรับข้อเสนอประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนการสรรหาผู้อำนวยการ กทท. ในวันนี้คณะกรรมการ กทท. ได้มีการเห็นชอบให้เจรจาเรื่องเงินเดือนกับบุคคลที่ได้รับการคัดสรรเป็นอันดับ 1 จากจำนวนผู้ได้รับการคัดสรรทั้งสิ้น 3 คน โดยจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนนับตั้งแต่วันนี้ และจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2549 มีรายได้ 7,909 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย 4,725 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,426 ล้านบาท โดยในปีนี้ กทท.มีค่าใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การปรับอัตราค่าจ้างร้อยละ 8 และค่าใช้จ่ายจากการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อย่างไรก็ตาม กทท.มั่นใจว่า ในปี 2554 กทท.จะมีรายได้ถึง 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน