รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าสร้างเข้มแข็งให้ภาคธุรกิจไทย พร้อมแก้ไขร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวให้เกิดเป็นธรรมและโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ส่วนกรณีกลุ่มเทมาเส็กเตรียมลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยืนยันไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ
นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายและรับฟังการทำงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเครื่องมือที่จะพัฒนาภาคธุรกิจการค้าให้มีความเข้มแข็ง โดยให้ไปกำกับดูแลสร้างความเข้มแข็ง รู้ทัน เข้าใจเอกชนแต่ละสาขาให้มากขึ้น ขณะที่แผนงานสำคัญที่มีอยู่แล้ว เช่น พัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สินค้าโอท็อป หรือส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทยที่จะสร้างความเข้มแข็งให้สามารถไปทำการค้าต่างประเทศได้ ก็ถือเป็นนโยบายหลักที่จะผลักดันให้เอกชนไทยมีความเข้มแข็ง รู้ทันโลกที่เปิดเสรีค้าในอนาคต
นอกจากนี้ นายเกริกไกร ยังได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปดูแลการแก้ไขร่างกฎระเบียบหรือกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว การแก้ไขกฎหมายทางบัญชี การดูแลเพิ่มเติมกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้เป็นกฎหมายที่มีการบังคับใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีช่องโหว่ จึงให้เร่งศึกษาเพื่อให้กฎหมายมีความเป็นธรรมในทางธุรกิจและสร้างเสรีแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าไทยมีกฎหมาย กฎเกณฑ์ และความโปร่งใส มีความทันสมัย มีเขี้ยวเล็บ และเป็นกฎหมายที่ไม่ขัดกันของทางการ โดยเฉพาะกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งอะไรที่ผิดก็ต้องแก้ไขให้ทันสมัย เพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์แอบแฝง เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ที่มีเวลาบริหารงาน 1 ปี จะพยายามทำให้เสร็จ
ส่วนกรณีกลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ เตรียมลดสัดส่วนการถือหุ้นในชินคอร์ป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้รับทราบข่าว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษ แต่ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดูแลทุกเรื่อง ให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน รวมถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่กรมฯ ดำเนินการตรวจสอบ 16 บริษัทตามที่มีการร้องเรียนเรื่อง 16 บริษัทเข้าข่ายถือหุ้นแทน หรือนอมินีต่างชาติหรือไม่ ซึ่งได้กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบ
นายเกริกไกร กล่าวถึงบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง หรือ เออาร์ที ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐเสริมให้ภาคธุรกิจค้าปลีกรายย่อยมีความเข้มแข็ง โดยเห็นว่า เออาร์ที ถือแนวคิดที่ดี แต่ต้องดูแนวทางปฏิบัติว่าที่ผ่านมามีปัญหาอะไร จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เพื่อให้องค์กรสามารถอยู่ได้
นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายและรับฟังการทำงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเครื่องมือที่จะพัฒนาภาคธุรกิจการค้าให้มีความเข้มแข็ง โดยให้ไปกำกับดูแลสร้างความเข้มแข็ง รู้ทัน เข้าใจเอกชนแต่ละสาขาให้มากขึ้น ขณะที่แผนงานสำคัญที่มีอยู่แล้ว เช่น พัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สินค้าโอท็อป หรือส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทยที่จะสร้างความเข้มแข็งให้สามารถไปทำการค้าต่างประเทศได้ ก็ถือเป็นนโยบายหลักที่จะผลักดันให้เอกชนไทยมีความเข้มแข็ง รู้ทันโลกที่เปิดเสรีค้าในอนาคต
นอกจากนี้ นายเกริกไกร ยังได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปดูแลการแก้ไขร่างกฎระเบียบหรือกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว การแก้ไขกฎหมายทางบัญชี การดูแลเพิ่มเติมกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้เป็นกฎหมายที่มีการบังคับใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีช่องโหว่ จึงให้เร่งศึกษาเพื่อให้กฎหมายมีความเป็นธรรมในทางธุรกิจและสร้างเสรีแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าไทยมีกฎหมาย กฎเกณฑ์ และความโปร่งใส มีความทันสมัย มีเขี้ยวเล็บ และเป็นกฎหมายที่ไม่ขัดกันของทางการ โดยเฉพาะกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งอะไรที่ผิดก็ต้องแก้ไขให้ทันสมัย เพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์แอบแฝง เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ที่มีเวลาบริหารงาน 1 ปี จะพยายามทำให้เสร็จ
ส่วนกรณีกลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ เตรียมลดสัดส่วนการถือหุ้นในชินคอร์ป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้รับทราบข่าว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษ แต่ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดูแลทุกเรื่อง ให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน รวมถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่กรมฯ ดำเนินการตรวจสอบ 16 บริษัทตามที่มีการร้องเรียนเรื่อง 16 บริษัทเข้าข่ายถือหุ้นแทน หรือนอมินีต่างชาติหรือไม่ ซึ่งได้กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบ
นายเกริกไกร กล่าวถึงบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง หรือ เออาร์ที ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐเสริมให้ภาคธุรกิจค้าปลีกรายย่อยมีความเข้มแข็ง โดยเห็นว่า เออาร์ที ถือแนวคิดที่ดี แต่ต้องดูแนวทางปฏิบัติว่าที่ผ่านมามีปัญหาอะไร จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เพื่อให้องค์กรสามารถอยู่ได้