กรมศุลกากรพร้อมผ่อนปรนเขตคลังสินค้าปลอดอากร (ฟรีโซน) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ใช้ระบบส่งออกสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่ไปกับระบบอีดีไอออกไปอีกหลังปีใหม่หากยังไม่พร้อม และเตรียมแยกพื้นที่ให้เอกชนที่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในเขตฟรีโซนด้วย
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า หลังจากได้ตั้งคณะอนุกรรมการร่วมในการแก้ปัญหาเขตฟรีโซน สำหรับการขนส่งสินค้าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีผู้บริหารจากกรมการขนส่งทางอากาศ กรมศุลกากร บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ โดยภารกิจของคณะอนุกรรมการฯ จะดูว่าเขตฟรีโซนมีปัญหาอะไรเร่งด่วน การแยกพื้นที่เขตปลอดอากรให้แก่สินค้าที่สำคัญ คือ สินค้าเกษตร ตลอดจนสินค้าประเภทอื่นที่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในเขตฟรีโซน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำสินค้าเข้าไปอยู่ในเขตฟรีโซนตามน้ำหนัก 1 บาท/กิโลกรัม เพราะเดิมสินค้าทุกชนิดที่ต้องส่งออกต้องผ่านเขตดังกล่าวและมีค่าใช้จ่าย จะทำให้สินค้าที่มีความสมบูรณ์ไม่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติมจะได้ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในเขตดังกล่าว
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ จะต้องแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการจัดหาพื้นที่รองรับภาคเอกชน ตลอดจนการเชื่อมต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์การขนส่งสินค้าเข้าด้วยกัน และในวันนี้ (12 ต.ค.) ภาคเอกชนจะเริ่มต่อเชื่อมระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับกรมศุลกากร และพร้อมผ่อนปรนระบบขนส่งสินค้าด้วยระบบอีดีไอ และการใช้เอกสารให้ถึงเดือนธันวาคมนี้ แต่หากเอกชนยังไม่พร้อมก็จะผ่อนปรนระบบเอกสารให้ไปอีก โดยเชื่อมั่นว่าในช่วง 2 เดือน การต่อเชื่อมระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะสมบูรณ์ได้
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า หลังจากได้ตั้งคณะอนุกรรมการร่วมในการแก้ปัญหาเขตฟรีโซน สำหรับการขนส่งสินค้าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีผู้บริหารจากกรมการขนส่งทางอากาศ กรมศุลกากร บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ โดยภารกิจของคณะอนุกรรมการฯ จะดูว่าเขตฟรีโซนมีปัญหาอะไรเร่งด่วน การแยกพื้นที่เขตปลอดอากรให้แก่สินค้าที่สำคัญ คือ สินค้าเกษตร ตลอดจนสินค้าประเภทอื่นที่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในเขตฟรีโซน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำสินค้าเข้าไปอยู่ในเขตฟรีโซนตามน้ำหนัก 1 บาท/กิโลกรัม เพราะเดิมสินค้าทุกชนิดที่ต้องส่งออกต้องผ่านเขตดังกล่าวและมีค่าใช้จ่าย จะทำให้สินค้าที่มีความสมบูรณ์ไม่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติมจะได้ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในเขตดังกล่าว
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ จะต้องแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการจัดหาพื้นที่รองรับภาคเอกชน ตลอดจนการเชื่อมต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์การขนส่งสินค้าเข้าด้วยกัน และในวันนี้ (12 ต.ค.) ภาคเอกชนจะเริ่มต่อเชื่อมระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับกรมศุลกากร และพร้อมผ่อนปรนระบบขนส่งสินค้าด้วยระบบอีดีไอ และการใช้เอกสารให้ถึงเดือนธันวาคมนี้ แต่หากเอกชนยังไม่พร้อมก็จะผ่อนปรนระบบเอกสารให้ไปอีก โดยเชื่อมั่นว่าในช่วง 2 เดือน การต่อเชื่อมระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะสมบูรณ์ได้