ว่าที่ผู้ว่าการ รฟม. ยืนยัน พร้อมเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า เชื่อรัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญเพื่อแก้ปัญหาจราจรโดยเร็ว เผย"เจบิก"ยังพร้อมปล่อยเงินกู้ให้ไทย หลังการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการยังเดินหน้าอยู่
นายประภัสร์ จงสงวน ว่าที่ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีม่วง บางใหญ่–บางซื่อ และส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ แต่ในส่วนของ รฟม. ได้เตรียมความพร้อมข้อมูลของโครงการไว้และในระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ยังเดินหน้าดำเนินโครงการต่อเนื่อง
นายประภัสร์ กล่าวว่า ในส่วนของการเจรจาเงินกู้ที่ไทยจะขอใช้เงินกู้ลงทุนจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก)และรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้เจรจาคืบหน้าไประดับหนึ่งนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการยังมีการหารือระหว่างกันและเจบิกก็ได้ยืนยันว่า พร้อมให้เงินกู้ลงทุนในโครงการดังกล่าวแก่ไทย เนื่องจากเป็นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานสำคัญ ที่แสดงถึงความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ขณะที่ความคืบหน้าในโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 เส้นทางนั้น ในส่วนของรถไฟฟ้าสายมีม่วงมีความคืบหน้าไปมาก มีการออกร่างหนังสือหลักเกณฑ์การร่วมลงทุน หรือทีโออาร์ไปแล้ว มีการออกพระราชกฤษฎีกาการเวนคืนที่ดินก่อสร้างไปแล้ว ที่เหลือเป็นการรอนโยบายของรัฐบาลใหม่ ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อยู่ระหว่างการรอออกพระราชกฤษฎีกาของกระทรวงคมนาคม แต่ทุกเส้นทางได้มีการให้ข้อมูลการลงทุนแก่เอกชนที่แสดงความสนใจเป็นผู้ก่อสร้างไปแล้ว
สำหรับกรอบระยะเวลาในการดำเนินการหลังจากนี้ ว่าที่ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าจะให้ความสำคัญกับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในอันดับแรก ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะสภาพปัจจุบันทั้งปัญหาด้านการจราจร ปัญหาราคาน้ำมัน ถือว่าโครงการขนส่งสาธารณะมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3-4 ปี ซึ่งการเจรจากับเจบิก คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคมนี้ และใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3 เดือนในการให้ผู้รับเหมาลงทุนเตรียมเอกสาร และกว่าจะมีการเริ่มก่อสร้างจริงประมาณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2550