ธุรกิจภาพยนตร์ยิ้มไม่ค่อยออก คาดรายได้ต่ำกว่าเป้า 30-50% ดับบลิว พี เอ็ม ฟิล์ม ตั้งป้อมรับศึก สกรีนหนังดีเข้าโรงเพียง 6 เรื่องป้อนทั้งปี ล่าสุดงัดหนังสยองขวัญ 3 เรื่อง ส่งท้ายปี หวังกวาดเงินก้อนโต 60 ล้านบาท พร้อมไหวตัวเบนเข็มจับตลาดลิขสิทธ์คาแรคเตอร์ มั่นใจปีนี้เก็บกำไรเข้ากระเป๋ากว่า 100 ล้านบาท
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ รองประธานกรรมการสายงานการตลาด บริษัท ดับลิว พี เอ็ม ฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือบริษัท โรสวิดีโอ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ถึงแม้ว่าสถานการณ์ธุรกิจภาพยนตร์ จะมีความคึกคักอยู่ตลอดเวลาก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วภาพยนตร์เกือบทุกเรื่องที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์นั้น เชื่อว่ามีรายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ประมาณ 30- 50% สาเหตุหนึ่งมาจากจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉายมีมาก ทำให้ระยะเวลาในการฉายน้อยลงนั้นเอง
โดยบริษัทฯเองนั้นได้นำภาพยนตร์มาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปีนี้ เหลือเพียง 5-6 เรื่องเท่านั้น โดยตั้งแต่ต้นปีบริษัทฯได้นำภาพยนตร์เข้าฉายไปแล้ว 3 เรื่อง ปรากฏว่าทั้ง 3 เรื่อง มีรายได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 50% ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯต้องมีการสกรีนภาพยนตร์ที่จะนำเข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์อย่างพิถีพิถัน
ล่าสุดได้นำภาพยนตร์สยองขวัญ 3 เรื่องเพื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ได้แก่ เกี่ยว ลาก กระชากนรก (See No Evil), เดอะ วิค แมน (The Wick Man) และ ซอว์ 3 (Saw III) ซึ่งภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องนั้น บริษัทฯคาดหวังรายได้ในเพียงเรื่องละ 20 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 60 ล้านบาทเท่านั้น
ขณะที่บริษัทฯยังได้ลิขสิทธ์ภาพยนตร์อีกประมาณ 6-7 เรื่อง ที่มองว่าการนำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จะไม่คุ้ม จึงได้จัดจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีแทน
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนในการดำเนินธุรกิจ เมอร์ชันไดส์ไลเซ่น หรือ ลิขสิทธ์คาแรคเตอร์ ตัวการ์ตูนต่างๆ ที่ได้มาอาทิ เช่น นารุโตะ, โซนิก เอ็กซ์ และเคโรโร่ โดยรายได้จากค่าลิขสิทธ์ คาแรคเตอร์ในแต่ละครั้งนั้น จะเป็นกำไรถึง 70-80 % จึงมองว่าอนาคตธุรกิจลิขสิทธ์ คาแรคเตอร์ จะเป็นช่องทางที่สำคัญที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทฯต่อไป
โดยในปี 2550 บริษัทฯ ยังมีแผนนำภาพยนตร์การ์ตูน ของกลุ่มมาเวล จากประเทศสหรัฐอเมริกา เข้ามาประเทศไทย อีกหลายเรื่อง เช่น กัปตันอเมริกา และแคสเปอร์ โดยจะมีการพิจารณานำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 3 เรื่องในปีหน้าอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯดำเนินธุรกิจโดยเน้นเป้ารายได้ของกำไรเป็นหลัก ขณะที่สัดส่วนกำไรจากธุรกิจลิขสิทธ์ คาแรคเตอร์ปีนี้อยู่ที่ 20% ภาพยนตร์การ์ตูน 40% และอื่นๆ เช่น เพลง ภาพยนตร์เรื่องอื่น อีก 40%