แอตต้าประชุมด่วน หลังการปฏิวัติ เหตุการณ์นี้ฉุดนักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์ ระยะ 20 วันหลังจากนี้ เผยนักท่องเที่ยวเอเชียไก่ตื่นสุด จีนนำหน้ายกเลิกทัวร์ไทยกว่า 90% วอนคณะปฏิรูปฯสรรหา รมต.ท่องเที่ยวฯคนใหม่ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านท่องเที่ยวมากที่สุด เพื่อผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อไป
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ ภายใต้การบริหารงานของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ในช่วงวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมานั้น ล่าสุดในขณะนี้ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ทราบข่าว เกิดความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของไทย อีกทั้งบางประเทศยังได้มีการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ามายังประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งหากมีความประสงค์จะมาจริงๆ บริษัทประกันภัยก็จะไม่รับผิดชอบใดๆทำให้ระยะเวลานับจากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน จึงมีนักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์ไปเป็นจำนวนมาก
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทำการยกเลิกทัวร์มาไทยมากที่สุดจะเป็นโซนเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีการยกเลิกทัวร์ไปกว่า 90% ซึ่งสูงที่สุด รองลงมาคือญี่ปุ่น ยกเลิกไปกว่า 50%
สำหรับประเทศจีน ที่มีการยกเลิกทัวร์มากที่สุดนั้นอีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจาก การที่คนจีนเคยเจอเหตุการณ์การปฏิวัติภายในประเทศมาก่อน จึงระมัดระวังกับเรื่องดังกล่าวมากที่สุด นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 1-3 ตุลาคมที่จะถึงยังเป็นช่วงเทศกาลวันชาติของจีนอีกด้วย คาดว่าในช่วงดังกล่าวจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยลดลงอีกประมาณ 1 หมื่นราย หรือคิดเป็นจำนวนเที่ยวบินกว่า 30 เที่ยวบิน รองลงมาคือ ประเทศญี่ปุ่น มีการยกเลิกทัวร์ไปแล้วกว่า 50% ในขณะนี้
ส่วนประเทศฮ่องกง เป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างจะตื่นตัวกับ
เหตุการณ์ต่างๆอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นมากนัก โดยในช่วงวันแรกมีการยกเลิกทัวร์มาไทยเพียง 5.8% เท่านั้น และ ณ เวลานี้ มีการยกเลิกที่ 15-20% ส่วนประเทศเวียดนาม ถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน จึงไม่ได้รับกระทบแต่อย่างไร เช่นเดียวกับตลาดอินเดียวซึ่งอยู่ในช่วงโลว์ซีซัน จึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ขณะที่ตลาดเกาหลีนั้น มีการยกเลิกทัวร์น้อย เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้จ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าไปแล้ว
สำหรับตลาดรัสเซียนั้น มีจำนวนการยกเลิกทัวร์น้อยมาก เนื่องจากชาวรัสเซียส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับสถานการณ์ลักษณะดังกล่าว
ขณะที่ตลาดยุโรป จะมีผลกระทบเช่นเดียวกันในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้ หรือคิดเป็นจำนวนการยกเลิกทัวร์ประมาณ 10% หลังจากนั้น คาดว่าจะมีผลกระทบน้อยลงหรือไม่กระทบเลย
ตลาดฝรั่งเศส มองว่าจะมีผลกระทบเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เช่น เมื่อวานที่ผ่านมา (20 ก.ย.) มีนักท่องเที่ยวยกเลิกเที่ยวบินมาไทย 50% ใน 1 ไฟลท์เท่านั้น ส่วนตลาดสวีเดน ไม่มีการยกเลิกทัวร์แต่อย่างใด
ทางด้านตลาดการประชุมระดับนานาชาติ หรือ ทิก้านั้น ส่วนใหญ่กลุ่มประชุมระดับเล็กๆจะได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่สำหรับการประชุมใหญ่ๆยังคงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร ส่วนตลาดการประชุมของกลุ่มการภาครัฐได้ผลกระทบมากที่สุดเช่นเดียวกัน เนื่องจากรัฐบาลที่ดำเนินการที่ผ่านมาก็เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ ทำให้ความสำคัญในส่วนของการพัฒนาบุคลากรน้อยลง งบประมาณไม่เพียงพอ เพื่อที่จัดการจัดประชุมอบรม สัมมนา พัฒนา นั้นเอง
ตลาดโรงแรมนั้น ก่อนเกิดการปฏิวัติ มีจำนวนจองห้องพักเติบโตขึ้น 5-6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ภูเก็ตเติบโตสูงถึง 50% แต่ภายหลังจากการปฏิวัติเกิดขึ้นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดโรงแรมบ้างส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศมากกว่า ซึ่งตลาดยุโรปมีการยกเลิกการจองที่พักน้อยมาก โดยกลุ่มโรงแรมขนาดเล็กๆนั้นกลับได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีนักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพักไปแล้วกว่า 90% ตลอดระยะเวลานี้ไปจนถึงปลายเดือนกันยายนนี้
ด้านตลาดเอาท์บาวด์ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ยกเลิกมากสุดจะเป็นประเทศจีน ส่วนนักท่องเที่ยวที่เป็นคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มข้าราชการยกเลิกมากกว่าประชาชนทั่วไป
ส่วนตลาดโดแมสติก โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการ ในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะหายไปจนกว่า สถานการณ์จะมีความชัดเจนขึ้น จึงจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนกลุ่มคนทั่วไปยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใดว่าจะกระทบหรือไม่ ขึ้นอยู่การตัดสินใจของแต่ละคน
นายกสมาคม กล่าวต่อว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวน่าจะดีขึ้น หากภาครัฐมีการประชาสัมพันธ์ออกไปถึงความเป็นจริงของสถานการณ์การปฏิวัติดังกล่าวว่ามีบรรยากาศที่ไม่ร้ายแรงแต่อย่างใด และจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ก็จะช่วยให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วขึ้น รวมไปถึงในเรื่องของการคัดสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา ที่ควรคำนึงถึงผู้ที่มีความรึความเข้าใจในเรื่องการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย ที่เหตุการณ์ทางการเมืองรุนแรงกว่าไทย หรือมาเลเซียที่มีทาร์เก็ตแตกต่างจากไทยนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการที่นักท่องเที่ยวจะหันไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวแทน แต่คู่แข่งที่น่ากลัวในขณะนี้ คือ เวียดนาม ซึ่งหากภาครัฐให้การสนับสนุนในเรื่องการโรงแรมมากขึ้น เวียดนามจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากที่สุด
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ ภายใต้การบริหารงานของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ในช่วงวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมานั้น ล่าสุดในขณะนี้ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ทราบข่าว เกิดความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของไทย อีกทั้งบางประเทศยังได้มีการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ามายังประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งหากมีความประสงค์จะมาจริงๆ บริษัทประกันภัยก็จะไม่รับผิดชอบใดๆทำให้ระยะเวลานับจากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน จึงมีนักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์ไปเป็นจำนวนมาก
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทำการยกเลิกทัวร์มาไทยมากที่สุดจะเป็นโซนเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีการยกเลิกทัวร์ไปกว่า 90% ซึ่งสูงที่สุด รองลงมาคือญี่ปุ่น ยกเลิกไปกว่า 50%
สำหรับประเทศจีน ที่มีการยกเลิกทัวร์มากที่สุดนั้นอีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจาก การที่คนจีนเคยเจอเหตุการณ์การปฏิวัติภายในประเทศมาก่อน จึงระมัดระวังกับเรื่องดังกล่าวมากที่สุด นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 1-3 ตุลาคมที่จะถึงยังเป็นช่วงเทศกาลวันชาติของจีนอีกด้วย คาดว่าในช่วงดังกล่าวจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยลดลงอีกประมาณ 1 หมื่นราย หรือคิดเป็นจำนวนเที่ยวบินกว่า 30 เที่ยวบิน รองลงมาคือ ประเทศญี่ปุ่น มีการยกเลิกทัวร์ไปแล้วกว่า 50% ในขณะนี้
ส่วนประเทศฮ่องกง เป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างจะตื่นตัวกับ
เหตุการณ์ต่างๆอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นมากนัก โดยในช่วงวันแรกมีการยกเลิกทัวร์มาไทยเพียง 5.8% เท่านั้น และ ณ เวลานี้ มีการยกเลิกที่ 15-20% ส่วนประเทศเวียดนาม ถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน จึงไม่ได้รับกระทบแต่อย่างไร เช่นเดียวกับตลาดอินเดียวซึ่งอยู่ในช่วงโลว์ซีซัน จึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ขณะที่ตลาดเกาหลีนั้น มีการยกเลิกทัวร์น้อย เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้จ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าไปแล้ว
สำหรับตลาดรัสเซียนั้น มีจำนวนการยกเลิกทัวร์น้อยมาก เนื่องจากชาวรัสเซียส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับสถานการณ์ลักษณะดังกล่าว
ขณะที่ตลาดยุโรป จะมีผลกระทบเช่นเดียวกันในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้ หรือคิดเป็นจำนวนการยกเลิกทัวร์ประมาณ 10% หลังจากนั้น คาดว่าจะมีผลกระทบน้อยลงหรือไม่กระทบเลย
ตลาดฝรั่งเศส มองว่าจะมีผลกระทบเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เช่น เมื่อวานที่ผ่านมา (20 ก.ย.) มีนักท่องเที่ยวยกเลิกเที่ยวบินมาไทย 50% ใน 1 ไฟลท์เท่านั้น ส่วนตลาดสวีเดน ไม่มีการยกเลิกทัวร์แต่อย่างใด
ทางด้านตลาดการประชุมระดับนานาชาติ หรือ ทิก้านั้น ส่วนใหญ่กลุ่มประชุมระดับเล็กๆจะได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่สำหรับการประชุมใหญ่ๆยังคงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร ส่วนตลาดการประชุมของกลุ่มการภาครัฐได้ผลกระทบมากที่สุดเช่นเดียวกัน เนื่องจากรัฐบาลที่ดำเนินการที่ผ่านมาก็เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ ทำให้ความสำคัญในส่วนของการพัฒนาบุคลากรน้อยลง งบประมาณไม่เพียงพอ เพื่อที่จัดการจัดประชุมอบรม สัมมนา พัฒนา นั้นเอง
ตลาดโรงแรมนั้น ก่อนเกิดการปฏิวัติ มีจำนวนจองห้องพักเติบโตขึ้น 5-6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ภูเก็ตเติบโตสูงถึง 50% แต่ภายหลังจากการปฏิวัติเกิดขึ้นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดโรงแรมบ้างส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศมากกว่า ซึ่งตลาดยุโรปมีการยกเลิกการจองที่พักน้อยมาก โดยกลุ่มโรงแรมขนาดเล็กๆนั้นกลับได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีนักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพักไปแล้วกว่า 90% ตลอดระยะเวลานี้ไปจนถึงปลายเดือนกันยายนนี้
ด้านตลาดเอาท์บาวด์ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ยกเลิกมากสุดจะเป็นประเทศจีน ส่วนนักท่องเที่ยวที่เป็นคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มข้าราชการยกเลิกมากกว่าประชาชนทั่วไป
ส่วนตลาดโดแมสติก โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการ ในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะหายไปจนกว่า สถานการณ์จะมีความชัดเจนขึ้น จึงจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนกลุ่มคนทั่วไปยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใดว่าจะกระทบหรือไม่ ขึ้นอยู่การตัดสินใจของแต่ละคน
นายกสมาคม กล่าวต่อว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวน่าจะดีขึ้น หากภาครัฐมีการประชาสัมพันธ์ออกไปถึงความเป็นจริงของสถานการณ์การปฏิวัติดังกล่าวว่ามีบรรยากาศที่ไม่ร้ายแรงแต่อย่างใด และจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ก็จะช่วยให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วขึ้น รวมไปถึงในเรื่องของการคัดสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา ที่ควรคำนึงถึงผู้ที่มีความรึความเข้าใจในเรื่องการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย ที่เหตุการณ์ทางการเมืองรุนแรงกว่าไทย หรือมาเลเซียที่มีทาร์เก็ตแตกต่างจากไทยนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการที่นักท่องเที่ยวจะหันไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวแทน แต่คู่แข่งที่น่ากลัวในขณะนี้ คือ เวียดนาม ซึ่งหากภาครัฐให้การสนับสนุนในเรื่องการโรงแรมมากขึ้น เวียดนามจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากที่สุด