ยอดขายทีวีไดเร็คภาคใต้ลดฮวบจากเหตุการณ์ภาคใต้และล่าสุดระเบิดที่สงขลา พร้อมหามาตรการรองรับอย่างใกล้ชิด ล่าสุดต้องหยุดการทำตลาดที่ภาคใต้ไป เล็งกระตุ้นตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยการขยายไลน์สินค้าใหม่ “แฟททาเช่ คาร์โบ” พร้อมอัดงบตลาด 2 ล้านบาทจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หวังเจาะผู้หญิงที่ประสบปัญหาเรื่องรูปร่างเพราะชอบทานแป้ง ตั้งเป้ายอดขายปีแรกกว่า 20 ล้านบาท และดันยอดขายทั้งปีโต 7-8%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์แฟททาเช่,นูไวท์ และสไปรูลิน่า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ระเบิดที่สงขลาและปัญหาทางภาคใต้ส่งผลกระทบต่อยอดรายได้ของบริษัทฯเป็นอย่างมาก จากเดิมยอดขายที่มาจากภาคใต้จะมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของยอดขายรวมหรือมียอดขายเป็นอันดับ 2 รองจากภาคกลาง ในปัจจุบันพบว่ายอดขายลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นบริษัทฯจึงมีแผนการหรือมาตรการรองรับ ไม่ว่าจะเป็นคอยดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเล่นไปตามเกม หรือหยุดทำตลาดบางอย่างไป เช่น ทีมคาราวานเซลล์ที่จะมีการโรดโชว์ไปลดสินค้าในภาคใต้เดือนตุลาคมต้องมีอันยุติไป เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทฯมีชอปอยู่ที่ภาคใต้จำนวน 4 แห่งและมีศูนย์กระจายสินค้าหรือฮับอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ตและหาดใหญ่
ส่วนแผนการตลาด 4 เดือนจากนี้ไปบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทฯได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ “แฟททาเช่ คาร์โบ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เน้นเอาใจคนที่ชอบกินแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต และประสบปัญหาเรื่องรูปร่างหรือการควบคุมน้ำหนัก โดยตัวนี้ถือเป็นสินค้าตัวที่สองภายใต้แบรนด์แฟททาเช่ต่อจากตัวแรกที่เน้นเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ต่อจากนั้นบริษัทฯยังเล็งเปิดตัวสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจจะมี 2 รายการ และเครื่องออกกำลังกาย 2 แบรนด์ใหม่ภายในปีนี้
“งบการทำตลาดสินค้าตัวใหม่นี้บริษัทฯเตรียมไว้ที่ประมาณ 2 ล้านบาท จากงบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท โดยจะมีการทำตลาดผ่านช่องทางต่างๆ เช่น กิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์และส่งทีมโรดโชว์ออกแนะนำสินค้าให้กับผู้หญิงตามสำนักงาน เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายแฟททาเช่ คาร์โบหลังจากการวางตลาดไปปีแรกที่ 20 ล้านบาท ซึ่งหากรวมทั้งแบรนด์แฟททาเช่ปีหน้าคาดหวังยอดขายที่ 40 ล้านบาท ”
สำหรับช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯจะแบ่งออกเป็น 2 ทาง ได้แก่ ช่องทางขายตรง (Direct Channel) เช่น เทเลมาร์เก็ตติ้ง, ไดเร็ค เมล์, เว็บไซต์ และร้านไดเร็ค ทู ยู (Direct 2 u) ซึ่งช่องทางขายนี้คิดเป็นสัดส่วนหลัก คือ 70% ส่วนช่องทางคอนเวนชั่นนอล,โมเดิร์นเทรด และร้านขายยา คิดเป็นสัดส่วน 30% จากเดิมปีที่แล้วสัดส่วนช่องทางขายตรง 10% และค้าปลีก 90%
ในส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯในปี2549นี้คาดหวังที่ประมาณ 900 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตที่ 7-8% โดยยอดขายของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคิดเป็นอันดับ 6 ของยอดขายรวม ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้พบว่าบริษัทฯมียอดรายได้จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรวม 30-40 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 70 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดขายรวม 20 ล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาสินค้านูไวท์ถูกลอกเลียนแบบ และถือว่ายอดลดลงหากเทียบกับปี 2547 ที่มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับตลาดรวมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปัจจุบันคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 700-800 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ลดลงมาก หากเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะตลาดได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลให้คนประหยัดค่าใช้จ่ายลง อีกทั้งการที่ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปัจจุบันถึงจุดสูงสุด เนื่องจากมีผู้เล่นและสินค้าอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสินค้าไม่ได้ โดยอาจจะศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนซื้อหรืออาจจะไม่ซื้อสินค้าเลยก็ได้ เป็นต้น
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์แฟททาเช่,นูไวท์ และสไปรูลิน่า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ระเบิดที่สงขลาและปัญหาทางภาคใต้ส่งผลกระทบต่อยอดรายได้ของบริษัทฯเป็นอย่างมาก จากเดิมยอดขายที่มาจากภาคใต้จะมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของยอดขายรวมหรือมียอดขายเป็นอันดับ 2 รองจากภาคกลาง ในปัจจุบันพบว่ายอดขายลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นบริษัทฯจึงมีแผนการหรือมาตรการรองรับ ไม่ว่าจะเป็นคอยดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเล่นไปตามเกม หรือหยุดทำตลาดบางอย่างไป เช่น ทีมคาราวานเซลล์ที่จะมีการโรดโชว์ไปลดสินค้าในภาคใต้เดือนตุลาคมต้องมีอันยุติไป เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทฯมีชอปอยู่ที่ภาคใต้จำนวน 4 แห่งและมีศูนย์กระจายสินค้าหรือฮับอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ตและหาดใหญ่
ส่วนแผนการตลาด 4 เดือนจากนี้ไปบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทฯได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ “แฟททาเช่ คาร์โบ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เน้นเอาใจคนที่ชอบกินแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต และประสบปัญหาเรื่องรูปร่างหรือการควบคุมน้ำหนัก โดยตัวนี้ถือเป็นสินค้าตัวที่สองภายใต้แบรนด์แฟททาเช่ต่อจากตัวแรกที่เน้นเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ต่อจากนั้นบริษัทฯยังเล็งเปิดตัวสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจจะมี 2 รายการ และเครื่องออกกำลังกาย 2 แบรนด์ใหม่ภายในปีนี้
“งบการทำตลาดสินค้าตัวใหม่นี้บริษัทฯเตรียมไว้ที่ประมาณ 2 ล้านบาท จากงบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท โดยจะมีการทำตลาดผ่านช่องทางต่างๆ เช่น กิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์และส่งทีมโรดโชว์ออกแนะนำสินค้าให้กับผู้หญิงตามสำนักงาน เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายแฟททาเช่ คาร์โบหลังจากการวางตลาดไปปีแรกที่ 20 ล้านบาท ซึ่งหากรวมทั้งแบรนด์แฟททาเช่ปีหน้าคาดหวังยอดขายที่ 40 ล้านบาท ”
สำหรับช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯจะแบ่งออกเป็น 2 ทาง ได้แก่ ช่องทางขายตรง (Direct Channel) เช่น เทเลมาร์เก็ตติ้ง, ไดเร็ค เมล์, เว็บไซต์ และร้านไดเร็ค ทู ยู (Direct 2 u) ซึ่งช่องทางขายนี้คิดเป็นสัดส่วนหลัก คือ 70% ส่วนช่องทางคอนเวนชั่นนอล,โมเดิร์นเทรด และร้านขายยา คิดเป็นสัดส่วน 30% จากเดิมปีที่แล้วสัดส่วนช่องทางขายตรง 10% และค้าปลีก 90%
ในส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯในปี2549นี้คาดหวังที่ประมาณ 900 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตที่ 7-8% โดยยอดขายของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคิดเป็นอันดับ 6 ของยอดขายรวม ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้พบว่าบริษัทฯมียอดรายได้จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรวม 30-40 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 70 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดขายรวม 20 ล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาสินค้านูไวท์ถูกลอกเลียนแบบ และถือว่ายอดลดลงหากเทียบกับปี 2547 ที่มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับตลาดรวมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปัจจุบันคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 700-800 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ลดลงมาก หากเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะตลาดได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลให้คนประหยัดค่าใช้จ่ายลง อีกทั้งการที่ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปัจจุบันถึงจุดสูงสุด เนื่องจากมีผู้เล่นและสินค้าอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสินค้าไม่ได้ โดยอาจจะศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนซื้อหรืออาจจะไม่ซื้อสินค้าเลยก็ได้ เป็นต้น