รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับโอกาสที่ไทยและประเทศอื่นจะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเป็นไปได้ลำบาก หลังการเปิดตัวของเมืองดูไบในรูปแบบของ “ดูไบอินเตอร์เนชั่นแนลไฟแนนซ์เชียลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอาณาจักรการเงินที่เสรีที่สุดในโลก ไม่มีระบบภาษีมาเกี่ยวข้อง สั่งปลัดกระทรวงการคลังศึกษาแนวทางเพื่อปรับตัวรองรับการแข่งขันในอนาคต
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการร่วมประชุมธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ประจำปี 2549 ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า ทางเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้นำเสนอแนวคิดการจัดตั้งดูไบอินเตอร์เนชั่นแนลไฟแนนซ์เชียลเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อตั้งมาแล้วกว่า 2 ปี โดยสถานที่ดังกล่าวถือเป็นอาณาจักรทางการเงินที่เสรีที่สุดของโลก เพราะทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ต้องเสียภาษี ไม่มีระบบภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทางดูไบจัดตั้งพื้นที่ให้กับศูนย์กลางดังกล่าวแบ่งออกจากรัฐบาลกลางอย่างชัดเจน ทั้งอำนาจการบริหารและอำนาจตุลาการที่ศูนย์ดังกล่าวมีอำนาจเบ็ดเสร็จตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของระบบการเงินของโลก และถือเป็นความใฝ่ฝันของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมได้ในทุกรูปแบบโดยไม่ต้องเสียภาษี
นายทนง กล่าวว่า การที่ดูไบมีศูนย์กลางทางการเงินลักษณะดังกล่าว ทำให้โอกาสที่ทุกประเทศรวมถึงไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอนาคตทำได้ยากขึ้น เพราะในอนาคตโลกของธุรกิจจะแข่งขันด้วยระบบภาษี เมื่อมีที่ใดเปิดให้ทำธุรกิจและธุรกรรมได้โดยไม่ต้องภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ลงทุนทั่วโลกก็ย่อมให้ความสนใจ เพราะต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการจะต่ำมาก
“ถือเป็นมิติใหม่ของโลกการเงิน ถ้าดูไบสามารถเดินหน้าโครงการนี้อย่างเต็มรูปแบบความใฝ่ฝันของไทยที่จะเป็นศูนย์กลางทางการเงินก็คงลำบากขึ้น และคงต้องฝากให้ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กลับไปพิจารณาว่าไทยจะปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร นอกจากนี้ ศูนย์กลางดังกล่าวจะถือเป็นแหล่งระดมทุนที่มีต้นทุนต่ำมาก ซึ่งในอนาคตทุกประเทศก็อาจหลีกไม่พ้นให้บริการทางการเงินกับศูนย์บริการดังกล่าว นอกจากนี้ ทางดูไบได้เชิญผมไปร่วมฉลองการครบรอบการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะไปร่วมงานเพื่อศึกษาแนวทางและแนวความคิดของศูนย์กลางดังกล่าว” นายทนง กล่าว
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการร่วมประชุมธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ประจำปี 2549 ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า ทางเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้นำเสนอแนวคิดการจัดตั้งดูไบอินเตอร์เนชั่นแนลไฟแนนซ์เชียลเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อตั้งมาแล้วกว่า 2 ปี โดยสถานที่ดังกล่าวถือเป็นอาณาจักรทางการเงินที่เสรีที่สุดของโลก เพราะทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ต้องเสียภาษี ไม่มีระบบภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทางดูไบจัดตั้งพื้นที่ให้กับศูนย์กลางดังกล่าวแบ่งออกจากรัฐบาลกลางอย่างชัดเจน ทั้งอำนาจการบริหารและอำนาจตุลาการที่ศูนย์ดังกล่าวมีอำนาจเบ็ดเสร็จตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของระบบการเงินของโลก และถือเป็นความใฝ่ฝันของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมได้ในทุกรูปแบบโดยไม่ต้องเสียภาษี
นายทนง กล่าวว่า การที่ดูไบมีศูนย์กลางทางการเงินลักษณะดังกล่าว ทำให้โอกาสที่ทุกประเทศรวมถึงไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอนาคตทำได้ยากขึ้น เพราะในอนาคตโลกของธุรกิจจะแข่งขันด้วยระบบภาษี เมื่อมีที่ใดเปิดให้ทำธุรกิจและธุรกรรมได้โดยไม่ต้องภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ลงทุนทั่วโลกก็ย่อมให้ความสนใจ เพราะต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการจะต่ำมาก
“ถือเป็นมิติใหม่ของโลกการเงิน ถ้าดูไบสามารถเดินหน้าโครงการนี้อย่างเต็มรูปแบบความใฝ่ฝันของไทยที่จะเป็นศูนย์กลางทางการเงินก็คงลำบากขึ้น และคงต้องฝากให้ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กลับไปพิจารณาว่าไทยจะปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร นอกจากนี้ ศูนย์กลางดังกล่าวจะถือเป็นแหล่งระดมทุนที่มีต้นทุนต่ำมาก ซึ่งในอนาคตทุกประเทศก็อาจหลีกไม่พ้นให้บริการทางการเงินกับศูนย์บริการดังกล่าว นอกจากนี้ ทางดูไบได้เชิญผมไปร่วมฉลองการครบรอบการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะไปร่วมงานเพื่อศึกษาแนวทางและแนวความคิดของศูนย์กลางดังกล่าว” นายทนง กล่าว