ยามาโกย่า ราเมน เล็งลงขันบุญรอดฯ –พาราวินเซอร์ กว่า 50 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตราเมน แผ่นแป้ง แผ่นเกี๊ยว ปี 50 หวังป้อนแดนปลาดิบและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดทุ่ม 20 ล้านเปิดขายแฟรนไชส์ร้านราเมนยาโกย่าในไทย คาด3ปี ยอดทะลุ 100 ล้าน
นายมาซาโตชิ โกกาตะ ประธาน บริษัทวายเอสฟู๊ด จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ ร้านยามาโก ย่า รามเมน ร่วมกับนายวิรวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยามาโกย่า (ไทยแลนด์ ) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจ เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท กัสตรอนมอนเม่อ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใน กลุ่มของพาราวินเซอร์ และ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ของนายสันติ ภิรมย์ภักดี เจ้าของเบียร์สิงห์ ภายใต้ชื่อบริษัท ยามาโกย่า (ไทยแลนด์ ) จำกัด ที่มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท แบ่งสัดส่วน ญี่ปุ่น 49% พาราวินเซอร์ 26% และบุญรอด25% โดยแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบในการบริหารให้กับ นายวิรวัฒน์ ทังสุบุตร ส่วนบุญรอด ดูแลการตลาดและผลิต ภายใต้มาตรฐาน ของยามาโกย่า ญี่ปุ่น
ทั้งนี้การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เป็นเพราะตลาดราเมนในประเทศญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัว ทางบริษัท วายเอสฟูดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจราเมนรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มียอดขายปีละ 4,000ล้านบาท จึงต้องการขยายธุรกิจด้วยการร่วมทุนกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางขยายธุรกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง รวมทั้งออสเตรเลีย
ปีหน้ามีแผนลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานและนำเข้าเครื่องจักรใหม่ในการผลิตราเมน แผ่นแป้ง แผ่นเกี๊ยว ฯล เพื่อป้อนให้กับตลาดในประเทศญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเครื่องจักรที่ใช้ผลิตอยู่ทมี่โรงงานถนนสุริวงศ์ สามารถผลิตวัตถุป้อนให้กับร้านได้เพียงแค่ 10 สาขาเท่านั้น โดยคงใช้พื้นที่ในโรงงานผลิตเดียวกับน้ำดื่มสิงห์ที่ จังหวัดปทุมธานี ส่วนเป้าหมายในอีก3ปีต่อจากนี้ คาดว่าจะสามารถ มีสาขาได้อย่างน้อย 50 สาขาทั่วประเทศ และมียอดขายกว่า 100ล้านบาท
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศ 70% และคนไทย 30% ระยะ
แรก เปิด 3 สาขาในกรุงเทพฯ ได้แก่ ทองหล่อ 13 สุริวงศ์ และสยามสแควร์ต่อจากนั้นขยายไปต่างจังหวัดใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ประมาณ 10 สาขาภายในปี 2550 เน้นการขยายสาขา 2 รูปแบบทั้งที่ลงทุนเองกับเปิดแฟรนไชส์ คาดว่าในปีแรกจะมีรายได้ 25 ล้านบาท แบ่งเป็น 2ส่วน คือ มาจากร้านราเมน กับการขายให้กับซัพพลายเออร์
นายมาซาโตชิ โกกาตะ ประธาน บริษัทวายเอสฟู๊ด จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ ร้านยามาโก ย่า รามเมน ร่วมกับนายวิรวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยามาโกย่า (ไทยแลนด์ ) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจ เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท กัสตรอนมอนเม่อ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใน กลุ่มของพาราวินเซอร์ และ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ของนายสันติ ภิรมย์ภักดี เจ้าของเบียร์สิงห์ ภายใต้ชื่อบริษัท ยามาโกย่า (ไทยแลนด์ ) จำกัด ที่มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท แบ่งสัดส่วน ญี่ปุ่น 49% พาราวินเซอร์ 26% และบุญรอด25% โดยแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบในการบริหารให้กับ นายวิรวัฒน์ ทังสุบุตร ส่วนบุญรอด ดูแลการตลาดและผลิต ภายใต้มาตรฐาน ของยามาโกย่า ญี่ปุ่น
ทั้งนี้การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เป็นเพราะตลาดราเมนในประเทศญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัว ทางบริษัท วายเอสฟูดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจราเมนรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มียอดขายปีละ 4,000ล้านบาท จึงต้องการขยายธุรกิจด้วยการร่วมทุนกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางขยายธุรกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง รวมทั้งออสเตรเลีย
ปีหน้ามีแผนลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานและนำเข้าเครื่องจักรใหม่ในการผลิตราเมน แผ่นแป้ง แผ่นเกี๊ยว ฯล เพื่อป้อนให้กับตลาดในประเทศญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเครื่องจักรที่ใช้ผลิตอยู่ทมี่โรงงานถนนสุริวงศ์ สามารถผลิตวัตถุป้อนให้กับร้านได้เพียงแค่ 10 สาขาเท่านั้น โดยคงใช้พื้นที่ในโรงงานผลิตเดียวกับน้ำดื่มสิงห์ที่ จังหวัดปทุมธานี ส่วนเป้าหมายในอีก3ปีต่อจากนี้ คาดว่าจะสามารถ มีสาขาได้อย่างน้อย 50 สาขาทั่วประเทศ และมียอดขายกว่า 100ล้านบาท
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศ 70% และคนไทย 30% ระยะ
แรก เปิด 3 สาขาในกรุงเทพฯ ได้แก่ ทองหล่อ 13 สุริวงศ์ และสยามสแควร์ต่อจากนั้นขยายไปต่างจังหวัดใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ประมาณ 10 สาขาภายในปี 2550 เน้นการขยายสาขา 2 รูปแบบทั้งที่ลงทุนเองกับเปิดแฟรนไชส์ คาดว่าในปีแรกจะมีรายได้ 25 ล้านบาท แบ่งเป็น 2ส่วน คือ มาจากร้านราเมน กับการขายให้กับซัพพลายเออร์