xs
xsm
sm
md
lg

บุญรอดปั้นยามาโกย่ารุกตลาดราเมน ร่วมทุนพาราวินเซอร์-รับสิทธิ์ทั่วเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สันติ ภิรมย์ภักดี” บอสใหญ่บุญรอดบริวเวอรี่ ควงแขนผู้บริหารกลุ่มพาราวินเซอร์ ร่วมทุนกับกลุ่มวาย เอส ฟู๊ด จากญี่ปุ่น ผุดบริษัทใหม่ปั้นร้าน “ยามาโกย่าราเมน” ลุยตลาดราเมนในไทย และรับสิทธิ์ตลาดทั่วเอเซีย คาดปีแรกในไทยเปิด 3 สาขา พร้อมเตรียมขายแฟรนไชส์ในปีหน้า เล็งดันไทยเป็นฐานผลิตราเมนส่งกลับญี่ปุ่นและป้อนตลาดเอเชียด้วย

แหล่งข่าวจาก บริษัท ยามาโกย่า (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า เนื่องจากตลาดอาหารญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในไทยแต่ผู้ประกอบการต้องทำความแตกต่างจากคู่แข่งด้วย ในขณะที่อาหารญี่ปุ่นประเภท ราเมน นั้น ยังถือว่าตลาดยังไม่ใหญ่มากนัก มีผู้ประกอบการายใหญ่ที่มีธุรกิจเป็นเชนเพียงไม่กี่รายที่ทำตลาดอยู่ในไทย แต่ก็เป็นในระดับแมส ดังนั้นทางบริษัทฯจึงเห็นช่องว่างดังกล่าวจึงได้ลงทุนเปิดร้านยามาโกย่าราเมน ซึ่งจะเน้นที่เมนู ราเมนและเกี๊ยวซ่า เป็นหลัก แต่ก็มีเมนูอื่นด้วย รวมทั้งจำหน่ายเบียร์ของค่ายบุญรอดและอาซาฮี

ทั้งนี้บริษัท ยามาโกย่า ไทยแลนด์ มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนกันสองฝ่ายคือ ฝ่ายไทยประกอบด้วย นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ลงทุนในนามส่วนตัว และบริษัท กัสตรอนอมเม่อจำกัด ในเครือของกลุ่มพาราวินเซอร์ โดยนายวิรวัฒน์ ทังสุบุตร ถือหุ้นรวมกัน 51% ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นคือ บริษัท วาย เอส ฟู๊ด จำกัด เจ้าของร้านยามาโกย่า ราเมน ญี่ปุ่น ถือหุ้น 49%

โดยบริษัทฯจะเป็นผู้ลงทุนในประเทศไทยและถือเป็นการออกนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของร้านยามาโกย่าด้วย รวมทั้งบริษัทฯยังได้รับสิทธิ์ในการลงทุนและทำตลาดทั่วเอเชียด้วย ซึ่งปัจจุบัน ร้านยามาโกย่า มีสาขาอยู่ในญี่ปุ่นรวมกันมากกว่า 170 สาขา กระจายทั่วประเทศ แบ่งเป็นร้านของเจ้าของลงทุนเอง 70 สาขา และที่เหลือเป็นร้านของแฟรนไชส์

การเปิดตลาดในไทย ในช่วงปีแรกนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาให้ได้ 3 แห่ง จะเป็นการลงทุนโดยบริษัทฯทั้งหมด และในปีหน้าวางแผนที่จะเปิดให้ได้รวมเป็น 10 แห่ง ทั้งการลงทุนเองและการขายแฟรนไชส์ด้วย โดยคาดว่าจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าหรือค่าแฟรนไชส์ฟี ประมาณ 3-5 แสนบาทต่อราย ส่วนค่ามาร์เกตติ้งฟีและค่ารอยัลตี้ฟีนั้นยังไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด โดยในช่วงแรกนี้จะขยายสาขาในรูปแบบสแตนด์อโลนเป็นหลัก ก่อนที่จะเริ่มเข้าไปในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าในปีหน้า

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สาขาแรกเปิดบริการที่ซอยทองหล่อระหว่างซอย 11 กับ 13 ลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ตัวอาคารเป็นเหมือนบ้านเดี่ยว พื้นที่ 150 ตารางเมตร มี 50 ที่นั่ง ซึ่งจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ มี “นาตาลี เกวโบว่า” อดีตนางงามจักรวาลมาร่วมงานด้วย ส่วนสาขาที่สองจะเปิดในเดือนตุลาคมที่ข้างโรงแรม ตะวันนารามาด้า ถนนสุรวงศ์ เป็นตึกแถว 3 คูหา ลงทุนใกล้เคียงกันกับสาขาแรก และสาขาที่สามจะเปิดที่สยามสแควร์อยู่ระหว่างการเจรจาพื้นที่

สำหรับตลาดราเมนนี้บริษัทฯมองว่ายังไม่มีใครที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทฯโดยเฉพาะในแง่ของตำแหน่งของร้านและรสชาติ เนื่องจากราคาจำหน่ายของบริษัทฯนั้นมีราคาสูงเพราเป็นระดับพรีเมี่ยมเริ่มตั้งแต่ ชามละ 150 บาทขึ้นไป ขณะที่ค่ายอื่นเช่น ฮะจิบังราเมน ราคาเริ่มประมาณ 65 บาทขึ้นไป ใกล้เคียงกับโออิชิราเมน

อีกทั้งบริษัทฯยังได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรที่ใช้ผลิตเส้นราเมนและแผ่นเกี๊ยวจากญี่ปุ่นเพื่อมาผลิตในไทยโดยเฉพาะ เพื่อรองรับการขยายสาขาของแฟรนไชส์ในอนาคตที่มีเงื่อนไขต้องรับวัตถุดิบและสินค้าจากเรา และในอนาคตประเทศไทยอาจจะเป็นฐานการผลิตเส้นราเมนเพื่อส่งกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นด้วย รวมทั้งสูตรราเมนก็เป็นสูตรลับเฉพาะที่มาจากญี่ปุ่นเช่นกัน

“ตอนนี้ยามาโกย่าที่ญี่ปุ่นได้ส่ง เจ้าหน้าที่ระดับผู้เชี่ยวชาญมาประจำในไทยเกือบ 7 คน เพื่อมาช่วยดูแลจัดการในช่วงแรก ทั้งด้านการตกแต่งร้านที่เป็นบรรยากาศเดียวกับที่ญี่ปุ่น การผลิต การปรุงอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติเดียวกันกับที่ยามาโกย่าในญี่ปุ่น” แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น