การบินไทยร่วมมือกับอิโตชูตั้งคาร์โก้ขนส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รองรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ตั้งเป้าหมายทั้งการเป็นศูนย์กลางขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศ โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมนำเสนอ ครม.อังคารนี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ถึงการจัดทำแผนธุรกิจคาร์โก้ หรือการขนส่งสินค้า เพื่อหารายได้ในส่วนของการขนส่งสินค้าเพิ่มเติมจากการขนส่งผู้โดยสารของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ภายในวันอังคารนี้ (12 ก.ย.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยที่การบินไทยจะร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับผู้เชี่ยวชาญเช่น กลุ่มอิโตชูแห่งญี่ปุ่น เพื่อขนส่งสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยการบินไทยจะถือหุ้น ร้อยละ 49
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนครัวการบินไทยที่จะรองรับการบริการผลิตอาหารเพื่อป้อนสายการบินไทย และสายการบินต่างชาติที่จะเริ่มใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 15 กันยายน และ 28 กันยายนนี้ ว่า ขณะนี้ ครัวการบินไทยมีความพร้อมทุกด้าน โดยมีการขนย้ายได้เริ่มทยอยขนย้ายมาโดยตลอด และจะขนย้ายครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงคืนวันที่ 27 กันยายน ส่วนกรณีที่อาคารครัวการบินไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่เสร็จเพราะประสบปัญหาไฟไหม้ก่อนหน้านี้นั้น การบินไทยก็ได้เตรียมแผนเฉพาะหน้า คือ จะใช้การทำอาหารที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ไปก่อน และจะส่งมาที่ครัวการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแผนการผลิตสามารถผลิตได้จำนวน 60,000 ชุดต่อวัน
“ครัวการบินไทยมีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการผู้โดยสารและสายการบินทุกสาย มั่นใจว่าการผลิตที่สนามบินดอนเมือง และจัดส่งอาหารไปที่สุวรรณภูมิจะไม่มีปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว
นายวันชัย ศารทูลทัต ปลัดกระทรวงคมนาคมและประธานคณะกรรมการการบินไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนแล้ว เชื่อว่าจะทำให้มีการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจากท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เป็นจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่คาร์โก้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีขนาดใหญ่กว่าท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ถึง 3 เท่า และถือว่าเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก เพราะมีเส้นทางการคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อไปได้ทุกทิศทาง อาทิ มอเตอร์เวย์, ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมด้านใต้ ซึ่งเป็นถนนใหม่ที่เพิ่งจะเปิดใช้เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับศูนย์ขนส่งและกระจายสินค้า หรือ ไอซีดี ที่ลาดกระบัง และสามารถเดินทางต่อไปทางภาคตะวันออก ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีท่าเรือแหลมฉบัง ที่รัฐมีนโยบายผลักดันให้เป็นศูนย์กลาง หรือฮับ ในการขนส่งสินค้าทางเรือในอนาคต
“นอกจากจะมีแอร์คาร์โก้ด้านอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังให้การบินไทยศึกษาเพิ่มเติมว่า จะหากแนวทางเพิ่มมูลค่าเรื่องการขนส่งสินค้าทางอากาศรูปแบบอื่น ๆ ได้หรือไม่ เพราะคาดว่าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” นายวันชัย กล่าว
ทั้งนี้ โดยศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถรองรับการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ 3 ล้านตันต่อปี และสามารถเพิ่มเป็น 6.4 ล้านตันต่อปี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ถึงการจัดทำแผนธุรกิจคาร์โก้ หรือการขนส่งสินค้า เพื่อหารายได้ในส่วนของการขนส่งสินค้าเพิ่มเติมจากการขนส่งผู้โดยสารของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ภายในวันอังคารนี้ (12 ก.ย.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยที่การบินไทยจะร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับผู้เชี่ยวชาญเช่น กลุ่มอิโตชูแห่งญี่ปุ่น เพื่อขนส่งสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยการบินไทยจะถือหุ้น ร้อยละ 49
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนครัวการบินไทยที่จะรองรับการบริการผลิตอาหารเพื่อป้อนสายการบินไทย และสายการบินต่างชาติที่จะเริ่มใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 15 กันยายน และ 28 กันยายนนี้ ว่า ขณะนี้ ครัวการบินไทยมีความพร้อมทุกด้าน โดยมีการขนย้ายได้เริ่มทยอยขนย้ายมาโดยตลอด และจะขนย้ายครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงคืนวันที่ 27 กันยายน ส่วนกรณีที่อาคารครัวการบินไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่เสร็จเพราะประสบปัญหาไฟไหม้ก่อนหน้านี้นั้น การบินไทยก็ได้เตรียมแผนเฉพาะหน้า คือ จะใช้การทำอาหารที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ไปก่อน และจะส่งมาที่ครัวการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแผนการผลิตสามารถผลิตได้จำนวน 60,000 ชุดต่อวัน
“ครัวการบินไทยมีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการผู้โดยสารและสายการบินทุกสาย มั่นใจว่าการผลิตที่สนามบินดอนเมือง และจัดส่งอาหารไปที่สุวรรณภูมิจะไม่มีปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว
นายวันชัย ศารทูลทัต ปลัดกระทรวงคมนาคมและประธานคณะกรรมการการบินไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนแล้ว เชื่อว่าจะทำให้มีการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจากท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เป็นจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่คาร์โก้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีขนาดใหญ่กว่าท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ถึง 3 เท่า และถือว่าเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก เพราะมีเส้นทางการคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อไปได้ทุกทิศทาง อาทิ มอเตอร์เวย์, ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมด้านใต้ ซึ่งเป็นถนนใหม่ที่เพิ่งจะเปิดใช้เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับศูนย์ขนส่งและกระจายสินค้า หรือ ไอซีดี ที่ลาดกระบัง และสามารถเดินทางต่อไปทางภาคตะวันออก ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีท่าเรือแหลมฉบัง ที่รัฐมีนโยบายผลักดันให้เป็นศูนย์กลาง หรือฮับ ในการขนส่งสินค้าทางเรือในอนาคต
“นอกจากจะมีแอร์คาร์โก้ด้านอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังให้การบินไทยศึกษาเพิ่มเติมว่า จะหากแนวทางเพิ่มมูลค่าเรื่องการขนส่งสินค้าทางอากาศรูปแบบอื่น ๆ ได้หรือไม่ เพราะคาดว่าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” นายวันชัย กล่าว
ทั้งนี้ โดยศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถรองรับการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ 3 ล้านตันต่อปี และสามารถเพิ่มเป็น 6.4 ล้านตันต่อปี