“บัณฑูร ล่ำซำ” แนะนักธุรกิจยึดหลัก 3 ประการ ในการดำเนินธุรกิจในยุค “ทุนเทศทับทุนไทย” โดยไม่ทำอะไรเกินตัว หาความรู้ใหม่ ๆ และพึ่งตนเองให้มากที่สุด โดยไม่ควรคาดหวังลมปากนักการเมือง
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในการสัมมนา “การบริหารจัดการธุรกิจในยุคทุนเทศทับทุนไทย” จัดโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า การทำธุรกิจจะต้องยึดหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1.การทำธุรกิจต้องทำอย่างเพียงพอไม่ทำอะไรเกินตัว เช่น การสร้างหนี้ไม่ควรมีหนี้มากเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ได้ 2.นักธุรกิจจะต้องหาความรู้ใหม่ ๆ เนื่องจากความรู้เดิมไม่เพียงพอกับการแข่งขันจากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาที่จำเป็นจะต้องรู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน
3. นักธุรกิจจะต้องพึ่งตนเองในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังมีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นตามครรลองที่นักการเมืองจะต้องให้คำมั่นสัญญาในการแก้ปัญหา ทั้งในเรื่องหนี้สินและปัญหาอื่น เพื่อให้ได้รับการคัดเลือกจากประชาชน แต่นักธุรกิจและประชาชนควรที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่ไม่ควรหวังให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาให้ ส่วนภาครัฐบาลก็ควรที่จะมีหน้าที่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นในอนาคต
“สัญญาของพรรคการเมืองที่มีการหาเสียงเป็นครรลองทางการเมืองที่ต้องสัญญาเพื่อความอยู่รอด แต่ในระยะยาวทุกคนไม่ควรที่จะหวังให้ใครเข้ามาแก้ปัญหา ดังนั้น ในการเลือกตั้งควรที่จะเลือกพรรคที่สามารถสร้างพื้นฐานในระยะยาวได้” นายบัณฑูร กล่าว
สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ นายบัณฑูร มองว่ายังมีการเติบโตได้ เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัว
ได้ดี ทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ยังโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ธนาคารทุกแห่งได้มีการปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อให้เข้มงวดขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล โดยต้องยอมรับว่า หนี้เสียในขณะนี้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ ไม่ได้มาจากหนี้เก่าที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว แต่หนี้เอ็นพีแอล ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง แต่เป็นเรื่องที่ธนาคารจะต้องระมัดระวัง
นายบัณฑูร กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารปีนี้นั้น ยอมรับว่ามีความยากลำบากมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ธนาคารก็ยังไม่มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ลง แต่สิ่งที่ยากสำหรับธนาคารในปีนี้ได้แก่ จะทำอย่างไรที่จะปล่อยสินเชื่อโดยไม่เกิดหนี้เสียมากเกินไป
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในการสัมมนา “การบริหารจัดการธุรกิจในยุคทุนเทศทับทุนไทย” จัดโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า การทำธุรกิจจะต้องยึดหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1.การทำธุรกิจต้องทำอย่างเพียงพอไม่ทำอะไรเกินตัว เช่น การสร้างหนี้ไม่ควรมีหนี้มากเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ได้ 2.นักธุรกิจจะต้องหาความรู้ใหม่ ๆ เนื่องจากความรู้เดิมไม่เพียงพอกับการแข่งขันจากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาที่จำเป็นจะต้องรู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน
3. นักธุรกิจจะต้องพึ่งตนเองในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังมีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นตามครรลองที่นักการเมืองจะต้องให้คำมั่นสัญญาในการแก้ปัญหา ทั้งในเรื่องหนี้สินและปัญหาอื่น เพื่อให้ได้รับการคัดเลือกจากประชาชน แต่นักธุรกิจและประชาชนควรที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่ไม่ควรหวังให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาให้ ส่วนภาครัฐบาลก็ควรที่จะมีหน้าที่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นในอนาคต
“สัญญาของพรรคการเมืองที่มีการหาเสียงเป็นครรลองทางการเมืองที่ต้องสัญญาเพื่อความอยู่รอด แต่ในระยะยาวทุกคนไม่ควรที่จะหวังให้ใครเข้ามาแก้ปัญหา ดังนั้น ในการเลือกตั้งควรที่จะเลือกพรรคที่สามารถสร้างพื้นฐานในระยะยาวได้” นายบัณฑูร กล่าว
สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ นายบัณฑูร มองว่ายังมีการเติบโตได้ เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัว
ได้ดี ทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ยังโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ธนาคารทุกแห่งได้มีการปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อให้เข้มงวดขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล โดยต้องยอมรับว่า หนี้เสียในขณะนี้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ ไม่ได้มาจากหนี้เก่าที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว แต่หนี้เอ็นพีแอล ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง แต่เป็นเรื่องที่ธนาคารจะต้องระมัดระวัง
นายบัณฑูร กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารปีนี้นั้น ยอมรับว่ามีความยากลำบากมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ธนาคารก็ยังไม่มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ลง แต่สิ่งที่ยากสำหรับธนาคารในปีนี้ได้แก่ จะทำอย่างไรที่จะปล่อยสินเชื่อโดยไม่เกิดหนี้เสียมากเกินไป