เจ๊เล้ง เจ้าของธุรกิจเจ้เล้ง พลาซ่า ชื่อดังย่านดอนเมือง ประกาศลั่นไม่ย้ายหรือเพิ่มร้านไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอปักหลักอยู่ดอนเมือง พร้อมมั่นใจหลังย้ายสนามบินธุรกิจจะขยายตัวดีขึ้นอีกร้อยละ 30 เผยกระทบลูกค้าแค่ร้อยละ 5 เอง
นางอารยา อภิสิทธิ์อมรกุล หรือ เจ้เล้ง เจ้าของร้านเจ้เล้ง พลาซ่า ธุรกิจสินค้าต่างประเทศชื่อดัง ย่านดอนเมือง กล่าวว่า ตามปกติจะมีลูกค้าที่ใช้สนามบินและแวะมาที่ร้านไม่มาก แค่ร้อยละ 5 ของลูกค้าทั้งหมด ดังนั้น การย้ายสนามบินจะกระทบลูกค้าลดลงมากสุดเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น จึงไม่รู้สึกกังวลอะไร อีกทั้งไปดูพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพื้นที่โดยรอบแล้ว พบว่าไม่เหมาะสม และพื้นที่ดังกล่าวทำการค้าค่อนข้างลำบาก เนื่องจากพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว โอกาสที่ผู้โดยสาร หรือพนักงานจะแวะออกมาเที่ยว หรือชอปปิ้งภายนอกสนามบินก็ยาก และไกลด้วย เพราะพื้นที่ภายในสนามบินจะเชื่อมกับถนนภายนอกหมด ส่วนพื้นที่รอบ ๆ สนามบินก็ถูกจำกัดเรื่องความสูง รายล้อมด้วยป่า ค่อนข้างอันตราย ดังนั้น จะปักหลักอยู่ที่ดอนเมืองต่อไป ที่สำคัญยังเชื่อมั่นว่า หลังจากการย้ายสนามบินดอนเมืองไปที่สุวรรณภูมิแล้ว ธุรกิจของร้านจะดีขึ้น โดยน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 เนื่องจากการจราจรเดินทางมาที่ร้านของลูกค้าจะสะดวกรวดเร็วขึ้น จากเดิมแออัดเพราะมีปริมาณรถที่จะเข้าไปในสนามบินดอนเมืองมาก
“ถ้าไม่มีสนามบินตรงนี้น่าจะดีกว่า ลูกค้าจะมาที่ร้านสะดวกขึ้น และที่จอดรถก็มากขึ้น อาจจะไปขอเช่าพื้นที่ในดอนเมืองจอดบ้าง จากเดิมการจราจรแออัดมาก เนื่องจากรถที่เข้าสนามบินจะเลี้ยวเข้าเลี้ยวออกลำบาก แต่ต่อไปสบาย ดังนั้น คิดว่าน่าจะขายดีกว่าเดิมอีกอย่างน้อยร้อยละ 30 ” นางอารยา กล่าว
นางอารยา ยังกล่าวถึงสนามบินดอนเมือง ว่า เป็นสนามบินแห่งแรกในประเทศ ถือเป็นสัญลักษณ์ของดอนเมือง โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายจึงอยากให้ยังใช้งานต่อไป โดยปรับเป็นสนามบินแห่งที่ 2 รองรับสายการบินต้นทุนต่ำทั้งในและระหว่างประเทศ เหมือนที่ประเทศทั่วโลกทำกัน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่จะใช้เป็นสนามบินและอู่ซ่อมของเครื่องบินส่วนตัว
สำหรับแผนการทำธุรกิจในอนาคตของตน นางอารยา กล่าวว่า ตั้งใจว่าจะเปิดร้านเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง คือ ย่านบางนา กับย่านพุทธมณฑล โดยจะเปิดที่ย่านบางนาก่อน ซึ่งเป็นตามแผนธุรกิจที่จะเปิดร้านใน 3 มุมเมือง
นางอารยา อภิสิทธิ์อมรกุล หรือ เจ้เล้ง เจ้าของร้านเจ้เล้ง พลาซ่า ธุรกิจสินค้าต่างประเทศชื่อดัง ย่านดอนเมือง กล่าวว่า ตามปกติจะมีลูกค้าที่ใช้สนามบินและแวะมาที่ร้านไม่มาก แค่ร้อยละ 5 ของลูกค้าทั้งหมด ดังนั้น การย้ายสนามบินจะกระทบลูกค้าลดลงมากสุดเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น จึงไม่รู้สึกกังวลอะไร อีกทั้งไปดูพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพื้นที่โดยรอบแล้ว พบว่าไม่เหมาะสม และพื้นที่ดังกล่าวทำการค้าค่อนข้างลำบาก เนื่องจากพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว โอกาสที่ผู้โดยสาร หรือพนักงานจะแวะออกมาเที่ยว หรือชอปปิ้งภายนอกสนามบินก็ยาก และไกลด้วย เพราะพื้นที่ภายในสนามบินจะเชื่อมกับถนนภายนอกหมด ส่วนพื้นที่รอบ ๆ สนามบินก็ถูกจำกัดเรื่องความสูง รายล้อมด้วยป่า ค่อนข้างอันตราย ดังนั้น จะปักหลักอยู่ที่ดอนเมืองต่อไป ที่สำคัญยังเชื่อมั่นว่า หลังจากการย้ายสนามบินดอนเมืองไปที่สุวรรณภูมิแล้ว ธุรกิจของร้านจะดีขึ้น โดยน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 เนื่องจากการจราจรเดินทางมาที่ร้านของลูกค้าจะสะดวกรวดเร็วขึ้น จากเดิมแออัดเพราะมีปริมาณรถที่จะเข้าไปในสนามบินดอนเมืองมาก
“ถ้าไม่มีสนามบินตรงนี้น่าจะดีกว่า ลูกค้าจะมาที่ร้านสะดวกขึ้น และที่จอดรถก็มากขึ้น อาจจะไปขอเช่าพื้นที่ในดอนเมืองจอดบ้าง จากเดิมการจราจรแออัดมาก เนื่องจากรถที่เข้าสนามบินจะเลี้ยวเข้าเลี้ยวออกลำบาก แต่ต่อไปสบาย ดังนั้น คิดว่าน่าจะขายดีกว่าเดิมอีกอย่างน้อยร้อยละ 30 ” นางอารยา กล่าว
นางอารยา ยังกล่าวถึงสนามบินดอนเมือง ว่า เป็นสนามบินแห่งแรกในประเทศ ถือเป็นสัญลักษณ์ของดอนเมือง โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายจึงอยากให้ยังใช้งานต่อไป โดยปรับเป็นสนามบินแห่งที่ 2 รองรับสายการบินต้นทุนต่ำทั้งในและระหว่างประเทศ เหมือนที่ประเทศทั่วโลกทำกัน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่จะใช้เป็นสนามบินและอู่ซ่อมของเครื่องบินส่วนตัว
สำหรับแผนการทำธุรกิจในอนาคตของตน นางอารยา กล่าวว่า ตั้งใจว่าจะเปิดร้านเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง คือ ย่านบางนา กับย่านพุทธมณฑล โดยจะเปิดที่ย่านบางนาก่อน ซึ่งเป็นตามแผนธุรกิจที่จะเปิดร้านใน 3 มุมเมือง