ดั๊บเบิ้ล เอ กระตุ้นโรงพิมพ์ตื่นตัวพัฒนาศักยภาพ เพื่อแย่งมาร์เก็ตแชร์ตลาดสิ่งพิมพ์โลก สร้างมูลค่าเพิ่มส่งออกสิ่งพิมพ์ไทย เปิดตัวโครงการค้นหาสุดยอดโรงพิมพ์ เป็นตัวกระตุ้น
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ – การตลาด ดั๊บเบิ้ล เอ กล่าวว่า มูลค่าของตลาดสิ่งพิมพ์ทั่วโลกมีประมาณ 6 แสนล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยมีส่วนแบ่งไม่ถึงร้อยละ 1% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท แต่แท้จริงแล้วประเทศไทยมีปัจจัยหลายด้านที่เอื้อต่อการส่งออกงานพิมพ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณภาพงานพิมพ์ที่สามารถทัดเทียมกับนานาชาติได้
ตลาดสิ่งพิมพ์ในยุโรปและอเมริกามีความต้องการสิ่งพิมพ์สูงมากในแต่ละปี และโรงพิมพ์ในประเทศเหล่านั้น อาทิ โรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เริ่มปิดตัวลงเพื่อมองหาประเทศอื่นที่จะมารองรับงานพิมพ์ในต้นทุนที่ต่ำกว่าคือประเทศในเอเชีย อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน ซึ่งประเทศไทยสามารถผลักดันให้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการสั่งงานพิมพ์จากยุโรปและอเมริกาให้ได้ เพียงแต่จะต้องเข้าใจถึงความต้องการของตลาด สร้างรูปแบบใหม่ๆ ของงานพิมพ์ที่ไม่ใช่เพียงแค่หนังสือ แต่อาจจะมีซีดี สื่อการศึกษาอื่นๆ เพิ่มเข้าไป รวมทั้งการบริการที่รวดเร็ว นอกจากนี้ตลาด Text book ในประเทศอเมริกาถือเป็นตลาดที่ใหญ่และเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยอีกด้วย
ดั๊บเบิ้ล เอ จึงได้ร่วมกับ 4 สถาบัน การศึกษาของไทย คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, ม.สุโขทัยธรรมาธิราช และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดโครงการ “ค้นหาสุดยอดโรงพิมพ์ควบคุมคุณภาพการพิมพ์ของไทย” ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้โรงพิมพ์ไทยตื่นตัวในการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตงานพิมพ์ เพื่อให้ไทยเป็นประเทศเป้าหมายของตลาดงานพิมพ์โลกได้ในอนาคตอันใกล้นี้
โรงพิมพ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการทุกแห่งจะได้รับคำแนะนำทั้งก่อนและหลังการแข่งขันเพื่อการพัฒนาคุณภาพงานพิมพ์ของตนเอง โดยผู้ชนะการแข่งขันจะได้เดินทางไปศึกษาดูงานโรงพิมพ์ชั้นนำในต่างประเทศ และรับสิทธิ์เป็นพันธมิตรของดั๊บเบิ้ล เอ เพื่อรับงานพิมพ์จากดั๊บเบิ้ล เอ ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ผ่าน 1759 ดั๊บเบิ้ล เอ พริ้นท์ เอ็กเพรซ และโครงการดั๊บเบิ้ล เอ ไทยแลนด์ พริ้นท์ เซ็นเตอร์ รวมทั้งจะได้รับการประชาสัมพันธ์ในสื่อของดั๊บเบิ้ล เอ ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นบริษัทและองค์กรต่าง ๆ มากมาย
นายแอนโทนี่ เคราช์ Director Design and Production มหาวิทยาลัย California Press กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดหนังสือในอเมริกาว่า โรงพิมพ์ของมหาวิยาลัยที่ดูแลอยู่นั้น มีการพิมพ์หนังสือใหม่ๆ ปีละประมาณ 200 เรื่อง และพิมพ์ซ้ำหนังสือเดิมมากกว่า 3,000 เรื่อง ด้วยยอดพิมพ์สูงสุด 25,000 ฉบับต่อเรื่อง โดยประมาณ 10% ให้ต่างประเทศเป็นผู้ผลิตซึ่งมาจากเอเขียและภูมิภาคอื่นๆ แต่หลังจากการเดินทางเยี่ยมชมโรงพิมพ์หลายแห่งในประเทศไทยพบว่าโรงพิมพ์หลายแห่งมีความสามารถ มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่พร้อมสำหรับการพิมพ์งานพิมพ์ส่งออก
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ – การตลาด ดั๊บเบิ้ล เอ กล่าวว่า มูลค่าของตลาดสิ่งพิมพ์ทั่วโลกมีประมาณ 6 แสนล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยมีส่วนแบ่งไม่ถึงร้อยละ 1% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท แต่แท้จริงแล้วประเทศไทยมีปัจจัยหลายด้านที่เอื้อต่อการส่งออกงานพิมพ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณภาพงานพิมพ์ที่สามารถทัดเทียมกับนานาชาติได้
ตลาดสิ่งพิมพ์ในยุโรปและอเมริกามีความต้องการสิ่งพิมพ์สูงมากในแต่ละปี และโรงพิมพ์ในประเทศเหล่านั้น อาทิ โรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เริ่มปิดตัวลงเพื่อมองหาประเทศอื่นที่จะมารองรับงานพิมพ์ในต้นทุนที่ต่ำกว่าคือประเทศในเอเชีย อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน ซึ่งประเทศไทยสามารถผลักดันให้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการสั่งงานพิมพ์จากยุโรปและอเมริกาให้ได้ เพียงแต่จะต้องเข้าใจถึงความต้องการของตลาด สร้างรูปแบบใหม่ๆ ของงานพิมพ์ที่ไม่ใช่เพียงแค่หนังสือ แต่อาจจะมีซีดี สื่อการศึกษาอื่นๆ เพิ่มเข้าไป รวมทั้งการบริการที่รวดเร็ว นอกจากนี้ตลาด Text book ในประเทศอเมริกาถือเป็นตลาดที่ใหญ่และเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยอีกด้วย
ดั๊บเบิ้ล เอ จึงได้ร่วมกับ 4 สถาบัน การศึกษาของไทย คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, ม.สุโขทัยธรรมาธิราช และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดโครงการ “ค้นหาสุดยอดโรงพิมพ์ควบคุมคุณภาพการพิมพ์ของไทย” ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้โรงพิมพ์ไทยตื่นตัวในการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตงานพิมพ์ เพื่อให้ไทยเป็นประเทศเป้าหมายของตลาดงานพิมพ์โลกได้ในอนาคตอันใกล้นี้
โรงพิมพ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการทุกแห่งจะได้รับคำแนะนำทั้งก่อนและหลังการแข่งขันเพื่อการพัฒนาคุณภาพงานพิมพ์ของตนเอง โดยผู้ชนะการแข่งขันจะได้เดินทางไปศึกษาดูงานโรงพิมพ์ชั้นนำในต่างประเทศ และรับสิทธิ์เป็นพันธมิตรของดั๊บเบิ้ล เอ เพื่อรับงานพิมพ์จากดั๊บเบิ้ล เอ ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ผ่าน 1759 ดั๊บเบิ้ล เอ พริ้นท์ เอ็กเพรซ และโครงการดั๊บเบิ้ล เอ ไทยแลนด์ พริ้นท์ เซ็นเตอร์ รวมทั้งจะได้รับการประชาสัมพันธ์ในสื่อของดั๊บเบิ้ล เอ ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นบริษัทและองค์กรต่าง ๆ มากมาย
นายแอนโทนี่ เคราช์ Director Design and Production มหาวิทยาลัย California Press กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดหนังสือในอเมริกาว่า โรงพิมพ์ของมหาวิยาลัยที่ดูแลอยู่นั้น มีการพิมพ์หนังสือใหม่ๆ ปีละประมาณ 200 เรื่อง และพิมพ์ซ้ำหนังสือเดิมมากกว่า 3,000 เรื่อง ด้วยยอดพิมพ์สูงสุด 25,000 ฉบับต่อเรื่อง โดยประมาณ 10% ให้ต่างประเทศเป็นผู้ผลิตซึ่งมาจากเอเขียและภูมิภาคอื่นๆ แต่หลังจากการเดินทางเยี่ยมชมโรงพิมพ์หลายแห่งในประเทศไทยพบว่าโรงพิมพ์หลายแห่งมีความสามารถ มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่พร้อมสำหรับการพิมพ์งานพิมพ์ส่งออก