เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า : ขุมทรัพย์แห่งใหม่ของจีน

ปัจจุบันหากจะกล่าวถึง "มาเก๊า" เขตการปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน เชื่อได้ว่าหลายคนจะถึงภาพสถานที่หรือแหล่งคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียและติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งจากข้อมูลจะพบว่ามาเก๊าสามารถทำรายได้มากกว่า 3.7 พันล้านบาท (ปี2546) และหากมองถึงปัจจัยหลายอย่างๆ อาทิ สถานที่ตั้งของมาเก๊าที่อยู่ใกล้กับจีนแผ่นดินใหญ่และเกาะฮ่องกง หรือการที่มาเก๊าเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสจึงทำให้เป็นเมืองนี้มีการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว

ทางรัฐบาลจีนซึ่งเป็นเป็นผู้ดูแลมาเก๊า ภายหลังจากที่โปรตุเกสได้ทำพิธีส่งมอบมาเก๊าคืนแก่จีน เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1999 จึงได้มีแนวคิดที่จะทำให้มาเก๊าเป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวของเอเชียให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการอนุญาตให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเก๊าโดยที่ไม่ต้องรวมกับกลุ่มทัวร์ หรือการลดข้อจำกัดทางการท่องเที่ยวบางประการเพื่อให้มาเก๊ามีความเป็นอิสระมากขึ้นในเดือนตุลาคม 2547 ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ส่งผลดีทำให้มาเก๊ามีนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคนหลั่งไหลเข้าเป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หลายบริษัทสนใจที่จะไปทำธุรกิจหรือลงทุนที่มาเก๊ากันเป็นจำนวนมาก ทั้งธุรกิจโรงแรม ,คาสิโน และศูนย์การค้า เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการเติบโตในตลาดมาเก๊าที่ได้รับการส่งเสริมและแรงหนุนจากทางรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก ล่าสุดกับโครงการพัฒนาโคไต สตริป (Cotai Strip(tm)) ที่ทางจีนได้ออกแบบขึ้นเพื่อรองรับกับตลาดเอเชียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต

ดังนั้นบริษัทลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป ซึ่งเป็นเจ้าของเดอะ เวเนเชี่ยน รีสอร์ท โฮเต็ล,แซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาด้า และแซนด์ส มาเก๊า คาสิโน จึงได้เสนอแผนพัฒนาโคไต สตริปขึ้น ประกอบด้วย การลงทุน"เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล" บนพื้นที่ 80 เอเคอร์หรือ 10.5 ล้านตารางฟุต ซึ่งจะมีบริการครบวงจรทั้งรีสอร์ทที่มีห้องสวีทกว่า 3,000 ห้อง โดยมีการจำลองสถาปัตยกรรมมาจากกรุงเวนิส อิตาลี ,พื้นที่คาสิโนหรือเล่นเกมส์กว่า 5.4 แสนตารางฟุต , ร้านค้ากว่า 200 แห่งหรือตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 8.5 แสนตารางฟุต ,คองเกรส เซ็นเตอร์กว่า 1.3 แสนตารางฟุต และอีเวนต์ เซ็นเตอร์ 3.5 แสนตารางฟุต เป็นต้น

พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯยังต้องการผลักดันให้โครงการเดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊าฯไปสู่ตลาดไมซ์และการจัดงานเทรดโชว์ควบคู่กับคาสิโน ซึ่งทางบริษัทฯได้มีการเจรจาและเซ็นสัญญากับมัลติ-เยียร์เทรดโชว์ไปแล้ว 5 งาน รวมกว่า 13 อีเวนต์ อาทิ โกลบอล แกมมิ่ง เอ็กซ์โป เอเชีย (Global Gaming Expo AsiaหรือGGEA) จัดโดยรีด เอ็กซิบิชั่นส์ โชว์ ออแกนไนเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้น

สำหรับความคืบหน้าของเดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊าฯขณะนี้ได้พัฒนาการก่อสร้างไปมากแล้ว โดยเฟสแรกของเดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ลนี้คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 ปี 2550

ล่าสุดบรรดาทีมผู้บริหาร ประกอบด้วย นายเชลดัน จี. อาเดลสัน ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป ,นายวิลเลี่ยม พี. ไวด์เนอร์ ประธานและประธานกรรมการบริหาร บริษัทลาส เวกัสฯ และนายแฟรงค์ แมคแฟดเดน ประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทเวเนเชี่ยน มาเก๊า จำกัด เป็นต้น ได้เดินทางมาที่มาเก๊าเพื่อร่วมพิธีการบูชาเซนต์กาเบียล ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมาเก๊าให้ความเคารพนับถือ

จากนั้นทางทีมผู้บริหารได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาก็คือ การเปิดเดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊าฯถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เช่น ทางรัฐบาลจีนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น หรือเกิดการจ้างแรงงานในย่านโลเคิลเพิ่มขึ้น ซึ่งทางบริษัทฯยังได้มีการพัฒนาคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น

ทั้งนี้ปัจจุบันประชากรของมาเก๊ามีกว่า 450,000 คน แบ่งเป็นเชื้อสายจีน 95% อีก 5% เป็นชาวโปรตุเกส และชนชาติอื่นๆ โดยระบอบการปกครองเป็นแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ กล่าวคือ มาเก๊าสามารถมีรัฐบาลและปกครองตนเองต่อไปได้เป็นระยะเวลา 50 ปี ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีน