“งานไทยเที่ยวไทย” ส่อแววกร่อย เปิดวันแรกคนบ้างตา ผู้ประกอบการโรงแรม จังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้าร่วมเปิดบูธ เผย สถานการณ์การเมือง กระทบท่องเที่ยวเชียงใหม่ปีนี้รายได้ทรุดเกือบ 50% โดยเฉพาะผู้ประกอบการคนไทย เหตุกรุ๊ปประชุมสัมมนาหายเกลี้ยง ส่วนลูกค้าทั่วไประบุ ภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ลดความถี่ของการเดินทางท่องเที่ยวเหลือเพียง 1 ครั้งต่อปี ขณะที่ราคาแพคเกจทัวร์ยังไม่ลดจริงๆ ส่วนผู้จัดงานยังใจสู้มั่นใจยังมีผู้เช้าชมงานคับคั่งเหมือนเดิม
วานนี้(31 ส.ค.49) ในวันแรกของการเปิดงาน “ไทยเที่ยวไทย” ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ นางปทุมมาศ มโนหรทัต ผู้อำนวยการฝ่ายขาย โรงแรมเชียงใหม่ ฮิล 2000 หนึ่งในผู้ประกอบการโรงแรม ที่เข้าร่วมเปิดบูธในงานดังกล่าว เปิดเผยว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มประชุมสัมมนา เงียบเหงามาก ตั้งแต่ช่วงต้นปีหลังจากรัฐบาลประกาศยุบสภา ส่งผลให้กรุ๊ปจัดประชุมสัมมนาหดหายไปเกือบหมด ซึ่ง แหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือ
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนอกฤดูท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปน้อยมาก ซึ่งผู้ประกอบการจะอยู่ได้จากการใช้บริการของกรุ๊ปสัมมนาจากภาคราชการและเอกชน นอกจากนั้นปัญหาทางเศรษฐ ที่เกิดจากภาวะน้ำมันราคาแพง ยิ่งทำให้กลุ่มคนไทย หันมาเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ และ เน้นเที่ยวทพเล เป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้จากการเข้าร่วมงานคอนซูเมอร์แฟร์ ในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ภาครัฐเป็นผู้จัดงาน และ ภาคเอกชนเป็นผู้จัดงาน ยอมรับว่าการจัดงานครั้งนี้ มีนักท่องเที่ยวที่มาเดินซื้อหาแพกเกจทัวร์น้อยกว่าทุกครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับที่เป็นวันแรกของการจัดงาน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนไทยใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่เข้าร่วมออกบูธในงานคอนซูเมอร์แฟร์ เริ่มเห็นแล้วว่าการจับจ่ายของการซื้อแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยวเริ่มลดลง
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า งาน มหกรรมพืชสวนโลก เฉลิมพระเกียรติ หรืองานราชพฤกษ์ ที่จะจัดขึ้นที่เชียงใหม่ปลายปีนี้ จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในตลาดคนไทยได้บ้าง แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาเดียว แต่ภาพรวมทั้งปีของ การท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ คาดว่า ผลประกอบการของภาคธุรกิจโรงแรม น่าจะลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมที่เป็นโลคัลแบรนด์ ของคนไทย
เศรษฐกิจซบน้ำมันแพงท่องเที่ยวหด
ทางด้านนางสาวสุชาดา เจียมกนกชัย อาชีพ พนักงานบริษัท ลูกค้าที่เข้ามาเดินชมงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 9 กล่าวว่า เป็นลูกค้าประจำ ที่จะมาเดินชมงานทุกครั้งที่จัดคอนซูเมอร์แฟร์ ขายแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยว โดยมองว่า ซึ่งทุกครั้งก็จะมาเลือกซื้อแพกเกจทัวร์ โดยเหตุผลประกอบการตัดสินใจซื้อ คือ ราคาสมเหตุสมผล และ เดสติเนชั่นที่ต้องการไป ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ก็ยังต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยว แต่จะลดความถี่ลงเหลือปีละ 1 ครั้ง จากเดิมที่จะเดินทางเที่ยวปีละเฉลี่ย 3 ครั้ง ส่วนเส้นทางท่องเที่ยวก็จะเลือกไปสถานที่ที่ใกล้ขึ้น เพื่อประหยัดน้ำมันรถในการเดินทาง ส่วนงานไทยเที่ยวไทยครั้งนี้มองว่า จำนวนผู้เข้าชมงานดูน้อยกว่าทุกครั้ง เมื่อเทียบกับช่วงเปิดงานวันแรกในครั้งก่อนๆ
ส่วนเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง มองว่า สำหรับคนไทย ไม่มีผลกระทบ เพราะมองว่าเป็นคนละส่วนกับการตัดสินใจท่องเที่ยว แต่ภาวะเศรษฐกิจจะมีผลมากกว่า ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ สถานการณ์ทางการเมืองอาจมีผลกระทบกับการตัดสินใจเข้ามาเที่ยวประเทศไทยบ้าง เพราะเขาต้องการไปเที่ยวในที่ที่ปลอดภัย
แพกเกจทัวร์วันธรรมดาราคาไม่เร้าใจ
พล.อ.ต.วิทยา ธนพาณิชย์ ข้าราชการเกษียณ ผู้เข้าร่วมชมงาน กล่าวว่า เท่าที่เดินชมราคาแพกเกจทัวร์ ของงานในครั้งนี้ มองว่า ราคายังลดราคาไม่มาก ไม่ดึงดูดให้ตัดสินใจซื้อ เพราะตนเอง ตั้งแต่เกษียณอายุราชการ ก็นิยมเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยใช้โอกาสในช่วงวันธรรมดา ซึ่งหากเราวอคอินเข้าไปโรงแรมในวันธรรมดาส่วนใหญ่ก็จะได้รับส่วนลดที่ 20-40%อยู่แล้ว ซึ่งไม่แตกต่าง กับราคาที่มาเสนอขายในงานนี้
ขณะเดียวกันก็เป็นสมาชิกบัตรผู้สูงวัย ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วย แต่ก็พบว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี แต่ยังมีการจัดโปรโมชั่นน้อยเกินไป และราคาโรงแรมที่พักก็ไม่ได้ลดพิเศษกว่าลูกค้าคนอื่นๆ ที่เดินทางในช่วงวันธรรมดาเหมือนกัน ซึ่งความจริงแล้ว หาก ททท.ต้องการออกบัตรนี้มาเพื่อสิทธิประโยชน์แก่คนวัยสูงอายุ และกระตุ้นท่องเที่ยววันธรรมดาจริงๆ ควรมีโปรโมชั่นมากกว่านี้ ส่วนสิทธิพิเศษด้านอื่นๆ เช่น ร้านขายของที่ระลึก หรือร้านอาหาร มองว่า ไม่ใช่สิ่งจำเป็นมากนัก
ผู้จัดงานเชื่อนักท่องเที่ยวร่วมงานคับคั่ง
อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้จัดงาน นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายน 49 ซึ่งในช่วงวันแรก อาจมีผู้เข้าชมงานน้อยเพราะเป็นวันธรรมดา เชื่อว่า ในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จะมีผู้เข้าชมงานจำนวนมาก โดยตั้งเป้าตลอดการจัดงานมีผู้เข้าชมงานที่ 3 แสนคน มียอดซื้อขายแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยวภายในงานไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างานที่จัดเมื่อต้นปี ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมชมงานราว 2.5 แสนคน
โดยครั้งนี้เพิ่มบูธเป็น 800 คูหา จากเมื่อต้นปี ที่จัดงานไทยเที่ยวไทย เปิดขายบูธที่ 750 คูหา โดยมีทั้งผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ทั้งเส้นทางเที่ยวในประเทศ และเส้นทางเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม สายการบิน สินค้าโอท็อป และ บริการด้านท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมอบส่วนลด 20-40% แก่ลูกค้าที่ตัดสินในจองซื้อภายในงาน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานไทยเที่ยวไทย ที่จัดช่วงนี้ จะเน้นกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงปลายปี ซึ่เงป็นไฮซีซั่นอยู่แล้ว จึง ให้ส่วนลดน้อยกว่าช่วงจัดงานต้นปี เพราะช่วงนั้นเป็นโลว์ซีซั่น สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ใช้เงินที่ 5 ล้านบาท เท่ากับครั้งก่อนๆ เน้นทุกสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ และป้ายโฆษณา เป็นต้น
วานนี้(31 ส.ค.49) ในวันแรกของการเปิดงาน “ไทยเที่ยวไทย” ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ นางปทุมมาศ มโนหรทัต ผู้อำนวยการฝ่ายขาย โรงแรมเชียงใหม่ ฮิล 2000 หนึ่งในผู้ประกอบการโรงแรม ที่เข้าร่วมเปิดบูธในงานดังกล่าว เปิดเผยว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มประชุมสัมมนา เงียบเหงามาก ตั้งแต่ช่วงต้นปีหลังจากรัฐบาลประกาศยุบสภา ส่งผลให้กรุ๊ปจัดประชุมสัมมนาหดหายไปเกือบหมด ซึ่ง แหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือ
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนอกฤดูท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปน้อยมาก ซึ่งผู้ประกอบการจะอยู่ได้จากการใช้บริการของกรุ๊ปสัมมนาจากภาคราชการและเอกชน นอกจากนั้นปัญหาทางเศรษฐ ที่เกิดจากภาวะน้ำมันราคาแพง ยิ่งทำให้กลุ่มคนไทย หันมาเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ และ เน้นเที่ยวทพเล เป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้จากการเข้าร่วมงานคอนซูเมอร์แฟร์ ในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ภาครัฐเป็นผู้จัดงาน และ ภาคเอกชนเป็นผู้จัดงาน ยอมรับว่าการจัดงานครั้งนี้ มีนักท่องเที่ยวที่มาเดินซื้อหาแพกเกจทัวร์น้อยกว่าทุกครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับที่เป็นวันแรกของการจัดงาน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนไทยใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่เข้าร่วมออกบูธในงานคอนซูเมอร์แฟร์ เริ่มเห็นแล้วว่าการจับจ่ายของการซื้อแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยวเริ่มลดลง
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า งาน มหกรรมพืชสวนโลก เฉลิมพระเกียรติ หรืองานราชพฤกษ์ ที่จะจัดขึ้นที่เชียงใหม่ปลายปีนี้ จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในตลาดคนไทยได้บ้าง แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาเดียว แต่ภาพรวมทั้งปีของ การท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ คาดว่า ผลประกอบการของภาคธุรกิจโรงแรม น่าจะลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมที่เป็นโลคัลแบรนด์ ของคนไทย
เศรษฐกิจซบน้ำมันแพงท่องเที่ยวหด
ทางด้านนางสาวสุชาดา เจียมกนกชัย อาชีพ พนักงานบริษัท ลูกค้าที่เข้ามาเดินชมงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 9 กล่าวว่า เป็นลูกค้าประจำ ที่จะมาเดินชมงานทุกครั้งที่จัดคอนซูเมอร์แฟร์ ขายแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยว โดยมองว่า ซึ่งทุกครั้งก็จะมาเลือกซื้อแพกเกจทัวร์ โดยเหตุผลประกอบการตัดสินใจซื้อ คือ ราคาสมเหตุสมผล และ เดสติเนชั่นที่ต้องการไป ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ก็ยังต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยว แต่จะลดความถี่ลงเหลือปีละ 1 ครั้ง จากเดิมที่จะเดินทางเที่ยวปีละเฉลี่ย 3 ครั้ง ส่วนเส้นทางท่องเที่ยวก็จะเลือกไปสถานที่ที่ใกล้ขึ้น เพื่อประหยัดน้ำมันรถในการเดินทาง ส่วนงานไทยเที่ยวไทยครั้งนี้มองว่า จำนวนผู้เข้าชมงานดูน้อยกว่าทุกครั้ง เมื่อเทียบกับช่วงเปิดงานวันแรกในครั้งก่อนๆ
ส่วนเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง มองว่า สำหรับคนไทย ไม่มีผลกระทบ เพราะมองว่าเป็นคนละส่วนกับการตัดสินใจท่องเที่ยว แต่ภาวะเศรษฐกิจจะมีผลมากกว่า ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ สถานการณ์ทางการเมืองอาจมีผลกระทบกับการตัดสินใจเข้ามาเที่ยวประเทศไทยบ้าง เพราะเขาต้องการไปเที่ยวในที่ที่ปลอดภัย
แพกเกจทัวร์วันธรรมดาราคาไม่เร้าใจ
พล.อ.ต.วิทยา ธนพาณิชย์ ข้าราชการเกษียณ ผู้เข้าร่วมชมงาน กล่าวว่า เท่าที่เดินชมราคาแพกเกจทัวร์ ของงานในครั้งนี้ มองว่า ราคายังลดราคาไม่มาก ไม่ดึงดูดให้ตัดสินใจซื้อ เพราะตนเอง ตั้งแต่เกษียณอายุราชการ ก็นิยมเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยใช้โอกาสในช่วงวันธรรมดา ซึ่งหากเราวอคอินเข้าไปโรงแรมในวันธรรมดาส่วนใหญ่ก็จะได้รับส่วนลดที่ 20-40%อยู่แล้ว ซึ่งไม่แตกต่าง กับราคาที่มาเสนอขายในงานนี้
ขณะเดียวกันก็เป็นสมาชิกบัตรผู้สูงวัย ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วย แต่ก็พบว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี แต่ยังมีการจัดโปรโมชั่นน้อยเกินไป และราคาโรงแรมที่พักก็ไม่ได้ลดพิเศษกว่าลูกค้าคนอื่นๆ ที่เดินทางในช่วงวันธรรมดาเหมือนกัน ซึ่งความจริงแล้ว หาก ททท.ต้องการออกบัตรนี้มาเพื่อสิทธิประโยชน์แก่คนวัยสูงอายุ และกระตุ้นท่องเที่ยววันธรรมดาจริงๆ ควรมีโปรโมชั่นมากกว่านี้ ส่วนสิทธิพิเศษด้านอื่นๆ เช่น ร้านขายของที่ระลึก หรือร้านอาหาร มองว่า ไม่ใช่สิ่งจำเป็นมากนัก
ผู้จัดงานเชื่อนักท่องเที่ยวร่วมงานคับคั่ง
อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้จัดงาน นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายน 49 ซึ่งในช่วงวันแรก อาจมีผู้เข้าชมงานน้อยเพราะเป็นวันธรรมดา เชื่อว่า ในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จะมีผู้เข้าชมงานจำนวนมาก โดยตั้งเป้าตลอดการจัดงานมีผู้เข้าชมงานที่ 3 แสนคน มียอดซื้อขายแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยวภายในงานไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างานที่จัดเมื่อต้นปี ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมชมงานราว 2.5 แสนคน
โดยครั้งนี้เพิ่มบูธเป็น 800 คูหา จากเมื่อต้นปี ที่จัดงานไทยเที่ยวไทย เปิดขายบูธที่ 750 คูหา โดยมีทั้งผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ทั้งเส้นทางเที่ยวในประเทศ และเส้นทางเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม สายการบิน สินค้าโอท็อป และ บริการด้านท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมอบส่วนลด 20-40% แก่ลูกค้าที่ตัดสินในจองซื้อภายในงาน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานไทยเที่ยวไทย ที่จัดช่วงนี้ จะเน้นกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงปลายปี ซึ่เงป็นไฮซีซั่นอยู่แล้ว จึง ให้ส่วนลดน้อยกว่าช่วงจัดงานต้นปี เพราะช่วงนั้นเป็นโลว์ซีซั่น สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ใช้เงินที่ 5 ล้านบาท เท่ากับครั้งก่อนๆ เน้นทุกสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ และป้ายโฆษณา เป็นต้น